“บีโอไอ” เว้นภาษีขาเข้าเครื่องจักร หนุนทุนย้ายหนีกัมพูชามาไทย
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ (BOI) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ได้เห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนกรณีได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อช่วยเหลือนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติที่ได้รับผลกระทบจากการปิดด่านพรมแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลกระทบต่อเส้นทางการขนส่งสินค้า ต้องเปลี่ยนเส้นทางหรือรูปแบบการขนส่งสินค้า ทำให้ระยะเวลาและต้นทุนการขนส่งของผู้ประกอบการสูงขึ้นอย่างมาก
ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมา บีโอไอได้หารือกับกลุ่มนักลงทุนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งมีบริษัทหลายรายที่ผูกซัพพลายเชนเชื่อมโยงระหว่างสองประเทศ เช่น โรงงานในไทยส่งวัตถุดิบไปยังกัมพูชา เพื่อนำไปประกอบบางส่วน แล้วส่งกลับมาไทยเพื่อผลิตเป็นชิ้นส่วนที่มีความซับซ้อน หรือผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูป ตรวจสอบและจัดชุดก่อนส่งให้ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ ผ่านศูนย์กระจายสินค้าในไทย เมื่อมีการปิดด่านบริเวณชายแดน
จึงส่งผลต่อการขนส่งวัตถุดิบและสินค้า ทำให้ต้องเปลี่ยนไปขนส่งผ่านประเทศเวียดนามและลาว หรือเปลี่ยนมาใช้การขนส่งทางเรือหรืออากาศ ที่มีข้อจำกัดมาก ใช้เวลานาน ต้นทุนสูงขึ้นมาก และมีภาระในการบริหารสต็อกวัตถุดิบและสินค้าในภาวะที่มีความไม่แน่นอนสูง ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปยังอุตสาหกรรมหลักอื่น ๆ ที่ต้องใช้ชิ้นส่วนจากโรงงานเหล่านี้ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า นักลงทุนหลายรายจึงได้แจ้งบีโอไอ ถึงความจำเป็นที่ต้องวางแผนย้ายฐานผลิตหรือเครื่องจักรบางส่วน กลับมาที่ไทยโดยเร็ว
บีโอไอ จึงได้นำเสนอมาตรการส่งเสริมการลงทุนกรณีได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อช่วยสนับสนุนนักลงทุนที่ต้องการย้ายฐานการผลิตจากกัมพูชามายังไทย ซึ่งจะทำให้ฐานการผลิตหลักในประเทศไทยดำเนินได้อย่างต่อเนื่อง โดยจะให้สิทธิประโยชน์ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรใช้แล้วในทุกกรณี
และเงินลงทุนในเครื่องจักรใช้แล้วที่มีอายุไม่เกิน 10 ปี จะให้นับเป็นวงเงินยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ถึง 100% ของเงินลงทุน สำหรับสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ทั่วไป
ในกรณีเป็นการย้ายเครื่องจักรบางส่วนมาใช้งานรวมกับโครงการที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนอยู่เดิม หากระยะเวลานำเข้าเครื่องจักรเดิมสิ้นสุดไปแล้ว บีโอไอจะอนุญาตให้นำเข้าเครื่องจักรเฉพาะที่ย้ายมาจากกัมพูชา เป็นเวลา 1 ปี นับตั้งแต่ยื่นขอแก้ไขโครงการ ทั้งนี้ นักลงทุนต้องเสนอแผนการย้ายฐานผลิตจากกัมพูชา และยื่นคำขอภายในสิ้นปี 2569
“จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่มีการปิดด่านพรมแดน ส่งผลให้เกิดอุปสรรคในการขนส่งวัตถุดิบและชิ้นส่วน โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนที่มีฐานผลิตเชื่อมโยงระหว่างสองประเทศ ต้องแบกรับต้นทุนโลจิสติกส์ที่เพิ่มสูงขึ้นมาก ใช้เวลาขนส่งนานขึ้นหลายเท่า และกระทบการผลิตของอุตสาหกรรมอื่น ๆ เป็นลูกโซ่ บีโอไอจึงเร่งออกมาตรการ เพื่อเปิดทางให้ผู้ประกอบการสามารถย้ายฐานผลิตจากกัมพูชามายังไทยได้ เพื่อรักษาความต่อเนื่องของซัพพลายเชน และสนับสนุนให้ไทยเป็นฐานผลิตหลักของภูมิภาค”