กล้วยเวียดนามบุกตลาดญี่ปุ่น เบียดส่วนแบ่งกล้วยฟิลิปปินส์
กล้วยเวียดนามบุกตลาดญี่ปุ่นมากขึ้น จากปัจจัยสินค้าราคาต่ำแต่มีคุณภาพสูง รวมถึงเป็นสมาชิก CPTPP จึงมีอุปสรรคภาษีต่ำ เบียดส่วนแบ่งกล้วยฟิลิปปินส์ไม่ยาก
จากตัวเลขสถิติการค้าญี่ปุ่นพบว่า ญี่ปุ่นนำเข้ากล้วยเวียดนามเพิ่มเป็น 33,000 ตันในปี 2024 มากกว่าระดับในปี 2019 ถึง 14 เท่า ครองส่วนแบ่งตลาดกล้วยในญี่ปุ่นจาก 0.2% เป็น 3.2%
โดยในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ปริมาณการส่งออกกล้วยเวียดนามในเขตโตเกียวเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แม้เป็นเพียงส่วนน้อยเมื่อเทียบกับภาพรวม แต่ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญ เมื่อเทียบกับกล้วยส่วนใหญ่ที่นำเข้าจากฟิลิปปินส์
ผู้ค้าส่ง (Wholesaler) รายหนึ่งจากตลาดโอตะ (Ota Market) ที่กรุงโตเกียว กล่าวว่า ในตลาดมีกล้วยจากเวียดนามให้เห็นบ่อยขึ้น โดยมีปริมาณการนำเข้าเป็นรองเพียงฟิลิปปินส์และเอกวาดอร์เท่านั้น
ขณะที่ผู้ค้าส่งอีกรายหนึ่งระบุว่า ด้วยคุณภาพที่ดีและมีราคาต่ำ กล้วยเวียดนามจึงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก
เนื่องจากว่า เวียดนามมีต้นทุนการปลูกกล้วยที่ต่ำกว่าฟิลิปปินส์ และประเทศผู้ผลิตรายใหญ่อื่นๆ และยังมีที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ใกล้กับญี่ปุ่นมากกว่าประเทศในกลุ่มลาตินอเมริกาอย่าง เม็กซิโก หรือเอกวาดอร์อีกด้วย ต้นทุนการขนส่งจึงต่ำกว่า
เชนร้านสะดวกซื้อในกรุงโตเกียวทดลองจำหน่ายกล้วยเวียดนามในปี 2023 และค้นพบว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่เลือกซื้อกล้วยเวียดนามมากที่สุด ขณะที่ร้านสะดวกซื้ออีกเชนหนึ่งขายกล้วยเวียดนามถูกกว่ากล้วยฟิลิปปินส์ถึง 10%
สาเหตุที่กล้วยฟิลิปปินส์ครองตลาดญี่ปุ่นได้ เกิดจากความพยายามร่วมกันสร้างอุปทานกล้วยให้มีเสถียรภาพ ระหว่างผู้นำเข้าจากญี่ปุ่นและเกษตรกรในฟิลิปปินส์ จนครองส่วนแบ่งตลาดกล้วยในญี่ปุ่นได้มากถึง 90% ในช่วงต้นทศวรรษ 2010
อย่างไรก็ตาม ด้วยโรคพืช ตลอดจนสภาพอากาศที่แปรปรวน ผสมกับค่าแรงที่สูงขึ้นตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ทำให้ญี่ปุ่นนำเข้ากล้วยฟิลิปปินส์ลดลงเหลือส่วนแบ่งเพียง 75% ในปี 2024
ผู้ค้าส่งรายหนึ่งระบุว่า คุณภาพกล้วยฟิลิปปินส์ไม่มีความสม่ำเสมอ จึงลดการนำเข้าลง ขณะที่เวียดนามแม้เพิ่งเริ่มผลิตกล้วยได้ไม่นานมานี้ แต่กลับมีคุณภาพสูง และไม่ติดโรคพืช นอกจากนี้ ยิ่งต้นกล้วยเพิ่งปลูกใหม่ ผลที่ได้ยิ่งสดและอยู่ได้นาน
ญี่ปุ่นและเวียดนามเป็นสมาชิกของความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือ CPTPP ญี่ปุ่นจึงเรียกเก็บภาษีกล้วยนำเข้าจากเวียดนามเพียง 5.4% และจะมีการปรับลดลงอีกในอนาคต จนลดลงอย่างสมบูรณ์ในปี 2028 ขณะที่กำแพงภาษีกล้วยฟิลิปปินส์อยู่ระหว่าง 8-18% กล้วยเวียดนามจึงมีความได้เปรียบสูงกว่า
อ้างอิง: