"เท้ง ณัฐพงษ์" โพสต์ล่าสุด ประเทศไทย กำลังเจอ สองวิกฤต - สองสงคราม
เท้ง ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ - Natthaphong Ruengpanyawut ระบุว่า
ประเทศไทยวันนี้กำลังเผชิญ ‘สองวิกฤต - สองสงคราม’
ผมกำลังหมายถึงวิกฤตชายแดนไทย-กัมพูชาและวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่รัฐบาลมีเสียงปริ่มน้ำ กับ กระบวนการนิติสงครามที่ทำให้การเมืองไร้เสถียรภาพและสงครามทางการค้า
แต่การจัดสรรงบประมาณ 2569 ครั้งนี้ รัฐบาลกลับคิดไม่รอบ คิดไม่ลึก ไม่ได้เตรียมการรองรับสองวิกฤตสองสงคราม ไม่ได้สร้างการลงทุนที่เป็นอนาคตให้กับประเทศเอาไว้เลย
‘คิดไม่รอบ’ เพราะรัฐบาลยังมีการแปรญัตติเอางบประมาณไปลงในส่วนรายจ่ายประจำ ที่ควรถูกจะตั้งมาเต็มจำนวนตั้งแต่แรก เช่น เงินเดือนของบุคลากรที่อยู่ในองค์กรอิสระและองค์การมหาชน ค่าประกันสุขภาพขององค์กรอิสระ
‘คิดไม่ลึก’ เพราะงบลงทุนส่วนใหญ่ยังคงเหมือนเดิม เป็นงบประมาณสร้างตึก ตัดถนน ขุดคลอง ที่พรรคประชาชนได้ให้ข้อคิดเห็นไปตั้งแต่ในชั้นวาระที่หนึ่งแล้ว แต่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการวิสามัญจนมาถึงการแปรญัตติ ก็ยังไม่เห็นรัฐบาลโยกงบประมาณไปลงทุนให้ถูกจุด
ขณะที่ประชาชนคนไทยวันนี้ หลายคนประสบปัญหาอุทกภัย ปัญหาการปะทะกันตามแนวชายแดน ที่ส่งผลกระทบถึงเศรษฐกิจปากท้อง แต่รัฐบาลยังคงจัดสรรงบประมาณ 2569
- เพื่อสร้างอาคารราชการใหญ่โตที่ไม่มีความจำเป็น รวมอีกกว่า 3 หมื่นล้านบาท
- เพื่อจัดอีเวนต์รวมกันถึง 7,000 ล้านบาท ซึ่งน่าตั้งคำถามว่าจัดไปแล้วประชาชนได้ประโยชน์โดยตรงอะไรบ้าง
- เพื่อทำแอปพลิเคชันอีกมากมาย อย่างต่ำปีนี้ 2,500 ล้านบาท นอกจากแอปฯ อย่างเป็นทางการกว่า 400 แอปฯ ยังมีแอปฯ ระบบเบื้องหลังที่ส่วนราชการทำแล้วทำอีก 2,000 กว่าระบบ
ตราบใดที่กระบวนการจัดทำงบประมาณยังเป็นแบบเดิม ประเทศไทยไม่เปลี่ยน
ถ้าผมมีอำนาจในฝ่ายบริหาร ผมเชื่อว่าเราสามารถแก้ไขให้งบประมาณฟังเสียงของสภามากขึ้น ประชาชนมองเห็นไส้ในงบประมาณมากขึ้น งบประมาณมีทิศทางมากขึ้น เห็นสุขภาพทางการคลังภาพรวมของประเทศมากยิ่งขึ้น
วันนี้สิ่งที่เศรษฐกิจไทยต้องการคือเม็ดเงินลงทุนใหม่ แต่ต้องเป็นเม็ดเงินลงทุนที่สร้างการเติบโตให้กับประเทศในอนาคตและทำให้เกิดประโยชน์กับประชาชนคนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ ไม่ใช่เม็ดเงินลงทุนที่กระจุกตัวอยู่กับผู้ได้รับสัมปทานบางกลุ่มเท่านั้น
เม็ดเงินลงทุนเหล่านี้ควรจะต้องสะท้อนอยู่ในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี ทำให้นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศมองเห็นทิศทางและโอกาสตรงกัน ว่าอะไรคืออนาคตของประเทศไทยและประเทศไทยจะเดินไปสู่จุดไหน
- เช่น งบลงทุนที่นำไปปลูกป่าเศรษฐกิจ
- งบลงทุนที่สร้างห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมใหม่ๆ อย่างไบโอแมททีเรียล วัสดุก่อสร้างต่างๆ ในโลกอนาคตที่จำเป็นจะต้องลดการปล่อยคาร์บอนออกสู่สิ่งแวดล้อม
- งบลงทุนในการปลูกเมืองรอง พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน น้ำประปาสะอาดดื่มได้ ขนส่งสาธารณะทั่วถึง ที่ทำให้คนในต่างจังหวัดมีคุณภาพชีวิตที่ดี ด้วยการลงทุนกระจายความเจริญไปยังต่างจังหวัด ชวนเอกชนมาทำบริษัทพัฒนาเมือง พัฒนาประเทศร่วมกันกับรัฐบาล
- การลงทุนปลูกโซลาร์บนหลังคาประชาชน ประกาศให้ชัดว่ารัฐบาลจะปลูกกี่ล้านหลังคาเรือน เปลี่ยนผ่านโครงสร้างพลังงานของประเทศไปสู่พลังงานสะอาด เพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดแล้วดึงดูดเม็ดเงินลงทุนให้เอกชนมาร่วมลงทุนกับรัฐบาล ประชาชนก็ได้ลดค่าไฟไปในตัว
- การลงทุนในการปลูกข้าวอนาคต วันนี้สิ่งที่โลกต้องการไม่ใช่แค่ข้าวหอมมะลิ แต่ต้องเป็นข้าวที่รักษ์โลก ประเทศไทยจะเปลี่ยนกระบวนการในการปลูกข้าวอย่างไรให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นต้น
ด้วยเหตุและผลที่ว่ามา ผมจึงจำเป็นต้องขอสงวนคำแปรญัตติ เพื่อปรับลดกรอบวงเงินงบประมาณในภาพรวม เพื่อให้ประเทศไทยมีพื้นที่ทางการคลังมากเพียงพอในการลงทุนอย่างถูกจุด ในการสร้างอนาคตให้กับประเทศนี้