“ภูมิธรรม” เรียกประชุม ครม. วาระพิเศษ
ทำเนียบ 1 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เรียกประชุม ครม. วาระพิเศษ เร่งพิจารณารับรองร่างถ้อยแถลงภาษีสหรัฐ 19% ให้มีผลอย่างเป็นทางการ พร้อมหารือหลักเกณฑ์งบฯ ฉุกเฉินเยียวยาเพิ่มเติมให้เจ้าหน้าที่รัฐ-ประชาชน เหตุชายแดนไทย-กัมพูชา
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ (1 ส.ค.) สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้เชิญประชุม ครม. นัดพิเศษ เพื่อพิจารณาเรื่องของอัตราภาษีตอบโต้จากสหรัฐอเมริกา โดย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ที่ ห้อง 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล และการประชุมทางสื่ออิเลคทรอนิกส์
นายภูมิธรรม กล่าวว่า “เมื่อเช้านี้ประเทศไทยได้รับแจ้งจาก สหรัฐฯว่า สินค้าจากไทยที่ส่งไปจำหน่ายในสหรัฐฯจะถูกเรียกเก็บภาษี 19% ซึ่งเท่ากับหลายๆประเทศในภูมิภาค ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่จะพอทำให้เรายังคงแข่งขันได้ โดยในกระบวนการเจรจานี้ มีขั้นตอนสำคัญคือรัฐบาลไทยต้อง ออกถ้อยแถลงร่วมไทย-สหรัฐฯ ซึ่งคณะทำงาน โดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ร่วมกับฝ่ายสหรัฐฯ จัดทำร่างขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจาก คณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อน จึงได้เชิญประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นวาระพิเศษ เพื่อพิจารณาให้ รองนายกฯนายพิชัย สามารถนำเอกสารนี้ไปออกเป็นแถลงการณ์ร่วมได้”
นายจิรายุ กล่าวอีกว่า นอกจากเรื่อง ภาษีสหรัฐฯ แล้ว ที่ประชุมได้ พิจารณาเรื่องการใช้เงินงบประมาณเร่งด่วน เพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ และประชาชน โดยที่ประชุมมอบหมายให้ สภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. เป็นเลขาฯ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และให้ สภาพัฒน์ฯ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาน กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกันพิจารณา หลักเกณฑ์และวิธีการในการขอใช้งบประมาณรายจ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อแก้ไขหรือเยียวยาความเดือดร้อนเสียหายในบางกรณี พ.ศ. 2559 เพื่อเยียวยาให้ประชาชน ทหาร และตำรวจ ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เพิ่มเติมจากเงินเยียวยาที่ได้รับอยู่ ถือเป็นกรณีเร่งด่วนที่มีความจำเป็นที่จะดำเนินการประชุม ครม. ในวาระพิเศษวันนี้ (1 ส.ค.) เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ โดยไม่จำเป็นต้องรอถึงการประชุม ครม.ตามปกติในวันอังคารหน้าแต่อย่างใด.-316.-สำนักข่าวไทย