ปวิน ในฐานะอดีตข้าราชกระทรวง ก.ต่างประเทศ ถอดจดหมายทรัมป์ ตบหน้าไทยหลายฉาด!! และสะท้อนชาตินิยม

ปวิน ชี้ จดหมายทรัมป์ สะท้อนความเป็นชาตินิยม ไม่เปิดโอกาสให้ไทยเจรจา เตือนไทย เตรียมรับแรงกระแทกได้เลย

ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า ศ.ดร.ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยเกียวโต โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า

เรามาคุยเรื่องจดหมายทรัมป์เรื่องการขึ้นอัตราภาษีนำเข้ากันค่ะ ในฐานะอดีตข้าราชการกระทรวงต่างประเทศ บอกได้ว่าจดหมายฉบับนี้มีความ unusual หลายอย่าง และเต็มไปด้วยฟีลของชาตินิยมอเมริกันอย่างมาก

1.ทรัปม์ส่งจดหมาย 2 ฉบับที่มีข้อความเหมือนกัน ส่งไปที่สถาบันฯ ในฐานะ head of state และสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจในฐานะนายกชั่วคราว ไอ้ที่เอาไปเขียนกันว่า ทรัมป์เขียนตรงถึงสถาบันฯ โดยไม่ผ่านรัฐบาลไทย อันนี้ไม่จริงนะคะ นี่เป็นเรื่องปกติที่ ปธน จะเขียนโดยตรงถึงเจ้าไทยได้ แต่กระบวนการส่งก็ยังต้องผ่านทางการไทยอยู่ดี นั่นคือผ่าน สอท ของเรา ณ กรุงวอชิงตัน

2.ทรัมป์ไม่ใช้ format ทางการทูตในการเขียน จม ฉบับนี้ ทางการทูต เวลาเราเขียน จม ถึงผู้นำอีกประเทศหนึ่ง มันจะมี format ตายตัว เปลี่ยนเฉพาะเนื้อหา นี่อาจเป็น style ของทรัมป์จริงๆ ในการส่งสาสน์ถึงผู้นำต่างประเทศ ที่งดเว้นการใช้ protocol ที่สำคัญ ซึ่งก็เป็นเรื่องแปลก แต่ทรัมป์อาจจะบอกได้ว่า ต้องการให้ จม นี้มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าทางการ ซึ่งก็ผิดวัตถุประสงค์ของ จม อยู่ดี เพราะมันคือการขอขึ้นภาษีนำเข้า ซึ่งเป็นเรื่องที่ซีเรียสและเป็นทางการมาก

3.ประโยคต้นๆ คือการบอกแบบตรงๆ ว่า อเมริกาอยากทำการค้ากับไทยต่อ แม้จะขาดดุลไทย แต่จากนี้ ถ้าเราจะค้ากัน ต้องทำให้ดุลการค้าสองฝ่ายกลับคืนมา สหรัฐฯ จะไม่ยอมขาดดุลไทยอีกต่อไป เพื่อแก้ไขปัญหานี้ สหรัฐฯ จะขึ้นภาษีนำเข้า 36% ตั้งแต่ 1 สค นี่สะท้อนความเป็นชาตินิยมมาก แถมพูดทิ้งท้ายว่า ต่อให้ขึ้น 36% ก็ยังแก้ไขปัญหาทั้งหมดไม่ได้ (น่าจะมีโอกาสขึ้นอีก) และพูดว่า หากไม่อยากเสียภาษีตรงนี้ ก็มาตั้งฐานการผลิตในสหรัฐฯ เลย ซึ่งทรัมป์ให้หลักประกันว่า จะทำให้กระบวนการเคลื่อนฐานการผลิตเป็นไปอย่างรวดเร็ว (จะเป็นไปได้ไง การผลิตสินค้าใดๆ ในสหรัฐฯ ต้นทุนแม่งมหาศาล แค่ค่าแรงขั้นต่ำก็บ้าแล้ว)

4.ขู่ว่า หากไทยตอบโต้ ทรัมป์จะขึ้นภาษีอีก ทรัมป์บอกว่า ไม่อาจรับสภาพของการขาดดุลได้ แล้วตบท้ายว่า การขาดดุลคือภัยของเศรษฐกิจอเมริกา และนั่นก็คือ ภัยของชาติ แถมใส่เครื่องหมายตกใจ (exclamation mark) เพื่อเน้นย้ำความรู้สึก (National security!) ในทางการทูต ไม่มีใครใส่เครื่องหมาย ! ในข้อความใดๆ ซึ่งเป็นเรื่องพิกลมาก

5.ขู่ต่อว่า หากไทยพิจารณาตัดภาษีให้สหรัฐฯ ทรัมป์อาจแก้เนื้อหาจดหมายฉบับนี้ ทั้งนี้ทั้งนั้น การปรับอัตราภาษีขึ้นหรือลง ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศ หมายถึง ความสัมพันธ์ดี เราก็ดีด้วย ถ้างี่เง่างอแง มึงเตรียมตัวรับแรงอัดต่อ สุดท้าย ทรัมป์เขียนว่า You will never be disappointed with The United States of America เธอจะไม่มีวันผิดหวังในสหรัฐอเมริกา แม่งเหมือนห้างร้าน มาซื้อของหรือทำธุรกิจกับเรา เราจะไม่ทำให้เธอผิดหวัง นั่นคือ ถ้าเธอทำตามที่เราบอก (สั่ง) เราก็จะอยู่ร่วมกันต่อไปได้ ขอให้สังเกตการเขียนชื่อประเทศเต็มของอเมริกาที่ใช้ capital T แม้ว่าคำๆ นี้จะไม่ได้อยู่ต้นประโยค เป็นการเน้น "ความเป็นอเมริกา" ด้วยอักษร catpial T เพียงตัวเดียว สังเกตดีๆ คำที่เป็น key words คือคำที่ใช้ capital ทั้งหมด อาทิ Tariff (ภาษี) Trade Deficit (การขาดดุล) Economy (เศรษฐกิจ) Number One Market in the World (ตลาดอันดับ 1 ของโลก) และอื่นๆ อีกมาก ไม่ต้องพูดเรื่องลายเซ็นทรัมป์ที่เน้น personality ของคนเซ็น big, bold and confident

6.โดยสรุป จดหมายฉบับนี้ตบหน้าไทยหลายฉาด เป็นจดหมายที่ไม่เปิดโอกาสของการเจรจา/ไกล่เกลี่ย นี่เป็น จม ที่บอกว่าไทยต้องทำยังไง ไม่ใช่ จม ที่ให้ทางเลือก อย่างที่บอก มันเต็มไปด้วย feel ของความเป็นชาตินิยมอเมริกัน ไอ้ที่จะโอดครวญเรื่องการเป็นพันธมิตรทางทหารต่อกัน การเป็นเพื่อนเก่าแก่ตั้งแต่ 1833 ทรัมป์ไม่สนใจค่ะ The real alliance is money.

7.ไทยแพ้ราบคาบ ไทยไม่มีไพ่อะไรเหลือในมือ การเจรจาก็แพ้ เตรียมตัวรับแรงกระทบได้ นี่ยังไม่รู้ว่ารัฐบาลจะช่วยผู้ประกอบการไทยยังไงและมีทางออกอะไรให้ ที่แน่ๆ วันนี้ ทรัมป์เล่นบท aggressor ไม่ต้องไปพึ่งมือวิเศษที่ไหน ไม่ต้องบอกว่าทักษิณสนิทกับทรัมป์ แม่งไม่ได้ช่วยห่าอะไร คนทำธุรกิจในไทยเตรียมตัวม้วนเสื่อค่ะ

#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS