"กมธ.ทหารฯ วุฒิสภา" รอเคาะวันเชิญ "นายกฯ อิ๊งค์" แจงข้อเท็จจริงปมชายแดนไทย-กัมพูชา
"กมธ.ทหารฯ วุฒิสภา" รอเคาะวันเชิญ "นายกฯ อิ๊งค์" แจงข้อเท็จจริงปมชายแดนไทย-กัมพูชา พ่วง ความไม่สงบชายแดนใต้ ย้ำ ปัญหาสินค้าหนีภาษี-ต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองผุดราวดอกเห็ด สร้างปัญหาใหม่ หลังรัฐใช้มาตราการปิดด่านชายแดน
วันที่ 7 ก.ค. 2568 ที่ รัฐสภา นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การทหาร และความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา แถลงถึงกรณี กมธ.เชิญน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.วัฒนธรรม มาชี้แจงสถานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับความมั่นคงตามแนวชายแดนไทยและกัมพูชาว่า กมธ.พิจารณาเห็นว่าข้อพิพาทบริเวณแนวชายแดนไทยเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนและผลประโยชน์ของประเทศชาติตามรัฐธรรมนูญ ยังส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่และสภาพจิตใจของประชาชนผู้รักชาติรักแผ่นดิน อีกทั้ง ฝ่ายกัมพูชาได้ดำเนินการทุกวิถีทางอันไร้ความจริงใจและ พยายามที่จะให้ได้เปรียบประเทศไทยในทุกด้าน
กมธ.จึงมีมติเชิญนายกฯ มาแถลงข้อเท็จจริงด้วยตัวเอง ตามประเด็นข้อซักถามดังนี้
1.ประเด็นจุดยืนและแนวปฏิบัติข้อพิพาทบริเวณพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา จังหวัดจำนวน 12 ข้อเช่นจุดยืนต่อ MOU 43 และ MOU 44 หรือการละเมิด MOU อย่างต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชา
2. ประเด็นสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่นการแก้ไข ปรับปรุงกฎหมาย หรือการปกป้องและดูแลประชาชนชาวไทยทุกกลุ่มในพื้นที่ ซึ่งรัฐบาลยังไม่ได้ส่งสัญญาณแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น และไม่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมตัวจริงที่จะรับมือกับปัญหาชายแดนภาคใต้ด้วย
3. ประเด็นความปลอดภัยไซเบอร์และการต่อต้านการฟอกเงิน การขจัดธุรกรรมที่ผิดกฎหมายหรือที่ต้องสงสัยเพื่อป้องกันหรือปราบปรามและช่วยเหลือคนไทยให้ปลอดภัยจากการฉ้อโกงออนไลน์และการฟอกเงินที่เชื่อมโยงกับกลุ่มทุนต่างชาติ
นายไชยยงค์ กล่าวต่อว่า วันนี้ปัญหาของไทย-กัมพูชา ไม่ได้มีเรื่องชายแดนความมั่นคง อธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนอย่างเดียว แต่สถานการณ์ที่เกิดใหม่ จากมาตราการปิดแนวชายแดนและการใช้มาตรการต่างๆในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดน ทำให้เกิดปัญหาใหม่ มีกระบวนการกองทัพมดมีการนำเข้าและส่งออกสินค้าหนีภาษีของทั้งสองมาค้าขายตามแนวชายแดน ,เกิดช่องทางการหลบหนีการเข้าเมือง นี่คือปัญหาใหม่ที่เกิดขึ้นจากผลกระทบซึ่งรัฐบาลไม่ได้ออกมาชี้แจงให้ชัดเจนว่าจะแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไร ทั้งนี้ เดิมการเชิญนายกรัฐมนตรี กำหนดไว้วันที่ 16 ก.ค. แต่สถานการณ์การเมืองเปลี่ยน ทำให้วันที่ 9 ก.ค. นี้ จะมีการประชุมเพื่อกำหนดวันเชิญมาชี้แจงใหม่อีกครั้ง โดยไม่จำเป็นต้องรอให้มีคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องการเชิญนายกรัฐมนตรี หรือรักษาการนายกรัฐมนตรี หรือ จะมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงข้อเท็จจริงแทนก็ได้ ส่วนการชะลอยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 153 นั้น เพราะการเมืองมีการเปลี่ยนแปลงมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทำให้ต้องรอให้ผ่านระยะเวลาไปอีกช่วงหนึ่งก่อน