ช็อก! ทหารรัสเซีย ติด HIV พุ่ง 2,000% นับตั้งแต่เปิดฉาก สงครามยูเครน
วิจัยเผยอัตราติดเชื้อ HIV ในกองทัพรัสเซียพุ่งสูงขึ้น 2,000% หรือ 20 เท่าตัว ตั้งแต่สงครามยูเครนเริ่มขึ้น ชี้สาเหตุจากพฤติกรรมเสี่ยงในสนามรบ คาดกระทบรัสเซียรุนแรงกว่าความสูญเสียในสนามรบ
5 สิงหาคม 2568 – สื่อเกาหลีใต้รายงาน ผลการวิจัยล่าสุดที่เผยแพร่โดยโครงการรัสเซีย-ยูเรเซีย ของมูลนิธิคาร์เนกีเพื่อสันติภาพระหว่างประเทศ (Carnegie Endowment for International Peace) ได้เปิดเผยข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อว่า อัตราการติดเชื้อ เอชไอวี (HIV) ในหมู่ทหารรัสเซียได้พุ่งสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดนับตั้งแต่การรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2565
สื่อยูเครนอย่าง Kyiv Independent ได้รายงานข่าวนี้เมื่อวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยอ้างอิงรายงานฉบับดังกล่าวซึ่งได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลจากกระทรวงกลาโหมของรัสเซียเอง และพบกับแนวโน้มที่น่ากังวลอย่างยิ่ง
ตามรายงานระบุว่า อัตราการติดเชื้อเอชไอวีในกองทัพรัสเซียเพิ่มสูงขึ้นในระดับที่น่าตกใจถึง 2,000% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนสงคราม โดยตัวเลขได้ไต่ระดับความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องตามระยะเวลาของความขัดแย้ง
ข้อมูลชี้ให้เห็นว่านับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2565 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของสงคราม ไปจนถึงช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปีเดียวกัน จำนวนทหารที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ได้เพิ่มขึ้นถึง 5 เท่าตัว และเมื่อถึงสิ้นปี 2565 ตัวเลขดังกล่าวได้พุ่งสูงขึ้นเป็น 13 เท่า ก่อนจะทะยานขึ้นไปถึง 20 เท่าในช่วงต้นปี 2567
รายงานได้วิเคราะห์ถึงปัจจัยเสี่ยงหลายประการที่เป็นตัวเร่งให้เกิดการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในสภาพแวดล้อมของสงคราม ประกอบด้วย
- การถ่ายเลือดในสนาม ในสถานการณ์ฉุกเฉิน การถ่ายเลือดเพื่อช่วยชีวิตอาจไม่ได้ผ่านกระบวนการคัดกรองที่รัดกุมเสมอไป
- การใช้อุปกรณ์การแพทย์ร่วมกัน การใช้เข็มฉีดยาหรืออุปกรณ์ทางการแพทย์อื่น ๆ ที่อาจปนเปื้อนเชื้อในโรงพยาบาลสนาม ถือเป็นความเสี่ยงที่สำคัญ
- การมีเพศสัมพันธ์ สภาวะสงครามอาจนำไปสู่พฤติกรรมเสี่ยงทางเพศที่เพิ่มขึ้น
- การใช้เข็มฉีดยาร่วมกันในหมู่ผู้ใช้ยาเสพติดยังคงเป็นอีกหนึ่งช่องทางการแพร่เชื้อที่สำคัญ
นอกเหนือจากความสูญเสียในสนามรบแล้ว รายงานฉบับนี้ยังได้คาดการณ์ถึงผลกระทบในระยะยาวที่รัสเซียต้องเผชิญจากการระบาดของเอชไอวีในกองทัพ โดยระบุว่าวิกฤตด้านสาธารณสุขครั้งนี้อาจสร้างความเสียหายต่อประเทศอย่างมหาศาล
“ความสูญเสียทางประชากรและเศรษฐกิจที่รัสเซียจะต้องประสบอันเนื่องมาจากการระบาดของเอชไอวี จะส่งผลกระทบไปนานหลายทศวรรษ และท้ายที่สุดอาจจะมากกว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นโดยตรงจากการรุกรานยูเครน” ส่วนหนึ่งของรายงานระบุ
ทั้งนี้ เชื้อเอชไอวี (HIV – Human Immunodeficiency Virus) เป็นเชื้อไวรัสที่เข้าทำลายเซลล์ภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ผู้ติดเชื้อมีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง อย่างไรก็ตาม การติดเชื้อเอชไอวีไม่ได้หมายความว่าจะเป็นโรคเอดส์ (AIDS – Acquired Immune Deficiency Syndrome) ในทันที โดย “ผู้ป่วยโรคเอดส์” คือผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวีจนระบบภูมิคุ้มกันถูกทำลายอย่างรุนแรง ส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอและเกิดโรคติดเชื้อฉวยโอกาสต่าง ๆ ได้ง่าย ซึ่งเป็นระยะสุดท้ายของการติดเชื้อเอชไอวี
ที่มา: Chosun Biz
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง