โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

แอร์หรือพัดลม อะไรเสี่ยงทำให้เป็นหวัดมากกว่า? เผยวิธีใช้เครื่องเย็นอย่างปลอดภัยในฤดูร้อน

sanook.com

เผยแพร่ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา • Sanook
ใช้พัดลมหรือแอร์เสี่ยงเป็นหวัดมากกว่ากัน แล้วคนป่วยเปิดแอร์ได้ไหม? ผู้เชี่ยวชาญเผยคำแนะนำการ ใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างปลอดภัยในฤดูร้อน

ใช้พัดลมหรือแอร์เสี่ยงเป็นหวัดมากกว่ากัน แล้วคนป่วยเปิดแอร์ได้ไหม? ผู้เชี่ยวชาญเผยคำแนะนำการ ใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างปลอดภัยในฤดูร้อน

ในช่วงฤดูร้อน หลายคนมักสงสัยว่า "ใช้พัดลมหรือแอร์เสี่ยงเป็นหวัดมากกว่ากัน?" โดยเฉพาะผู้ที่กำลังมีอาการป่วยหรือเป็นหวัดอยู่แล้ว ยิ่งต้องระวังเรื่องการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภททำความเย็น เพราะหากใช้งานไม่ถูกวิธี อาจทำให้อาการของโรคแย่ลงได้

คนเป็นหวัดควรใช้แอร์ไหม?

ผู้ที่เป็นหวัดไม่จำเป็นต้องงดใช้แอร์โดยสิ้นเชิง แต่ควรใช้อย่างระมัดระวัง เนื่องจากในขณะป่วย ระบบปรับอุณหภูมิของร่างกายจะทำงานได้ไม่ดีเท่าปกติ การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างรวดเร็วอาจทำให้อาการทรุดลง

หากอากาศในห้องร้อนอบอ้าวจนรู้สึกอึดอัด การเปิดแอร์เป็นทางเลือกที่ช่วยให้รู้สึกสบายขึ้น โดยควรตั้งอุณหภูมิไว้ที่ประมาณ 26-28 องศาเซลเซียส และหลีกเลี่ยงไม่ให้ลมเย็นเป่าตรงตัว นอกจากนี้ ไม่ควรอยู่ในห้องแอร์นานเกินไป ควรเปิดหน้าต่าง หรือออกไปรับอากาศบริสุทธิ์เป็นระยะ เพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัวกับอุณหภูมิภายนอก

แต่หากอาการหวัดหนัก เช่น มีไข้สูง ปวดหัว หรือมีน้ำมูกมาก ควรหลีกเลี่ยงการใช้แอร์ โดยหันมาใช้พัดลม หรือเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทจะปลอดภัยกว่า

พัดลมหรือแอร์ เสี่ยงเป็นหวัดมากกว่ากัน? สำหรับคำถามนี้ ความจริงแล้วหากใช้งานไม่ถูกวิธี ทั้งพัดลมและแอร์ต่างก็สามารถทำให้เป็นหวัดได้ทั้งคู่

“พัดลม” ช่วยให้อากาศหมุนเวียน และทำให้เหงื่อระเหยเร็วขึ้น จึงรู้สึกเย็นสบาย แต่หากปล่อยให้พัดลมเป่าจุดเดิมนานๆโดยเฉพาะขณะนอนหลับ ร่างกายจะปรับตัวไม่ทัน อาจทำให้หลอดเลือดหดตัวและเป็นหวัดได้

“แอร์” ความเสี่ยงอยู่ที่ความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างภายในและภายนอกห้อง หากออกจากห้องเย็นไปเจออากาศร้อนจัด หรือกลับกันอย่างรวดเร็ว ร่างกายจะไม่สามารถปรับตัวได้ทัน เสี่ยงต่อการเป็นหวัด อีกทั้งห้องแอร์มักปิดมิดชิด ทำให้อากาศถ่ายเทไม่สะดวก หากมีผู้ป่วยอยู่ภายใน ห้องนั้นจะกลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคได้ง่าย โดยเฉพาะแอร์ที่ไม่ได้ทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ

ดังนั้น เพื่อใช้งานแอร์อย่างปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ควรปฏิบัติดังนี้

1. ตั้งอุณหภูมิให้เหมาะสม

หลีกเลี่ยงการปรับแอร์ให้ต่ำเกินไป เช่น ต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส ซึ่งอาจทำให้ร่างกายหนาวเกินจำเป็น และสิ้นเปลืองพลังงาน ควรตั้งไว้ที่ประมาณ 26 องศาเซลเซียส และให้อุณหภูมิภายในและภายนอกต่างกันไม่เกิน 7 องศาเซลเซียส

2. หลีกเลี่ยงลมเย็นเป่าตรงตัว

ลมแอร์ที่เป่าตรงๆ อาจทำให้กล้ามเนื้ออักเสบ ปวดหัว หรือปวดเมื่อยตามข้อได้ ควรปรับให้ลมแอร์พุ่งขึ้นเพดาน เพื่อให้ความเย็นกระจายอย่างสม่ำเสมอ

3. เปิดระบายอากาศเป็นระยะ

ห้องแอร์ที่ปิดสนิทนานๆ ทำให้ปริมาณออกซิเจนลดลง และระดับคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้น ส่งผลให้รู้สึกมึนหัวหรืออึดอัดควรเปิดหน้าต่างหรือประตูเพื่อระบายอากาศประมาณ 15-20 นาทีทุกๆ 2-3 ชั่วโมง หรือใช้เครื่องฟอกอากาศแทน

4. ทำความสะอาดแอร์สม่ำเสมอ

แผ่นกรองอากาศควรล้างทุก 1-2 สัปดาห์ สามารถถอดออกมาล้างเองได้ ส่วนภายในเครื่องควรให้ช่างผู้เชี่ยวชาญมาทำความสะอาดอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง เพื่อป้องกันฝุ่นและเชื้อโรคสะสม

5. หลีกเลี่ยงเข้าห้องแอร์ในขณะเหงื่อออก

หลังจากอยู่กลางแจ้งหรือออกกำลังกาย ควรเช็ดเหงื่อและปล่อยให้ร่างกายเย็นลงก่อนเข้าห้องแอร์ เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายช็อกจากความเย็น

6. ใช้โหมดนอนตอนกลางคืน

ตอนกลางคืนควรตั้งแอร์ในโหมด Sleep เพื่อให้เครื่องปรับอุณหภูมิขึ้นเล็กน้อยตามเวลานอน พร้อมห่มผ้าบาง ๆ เพื่อป้องกันอุณหภูมิร่างกายลดต่ำเกินไป

ส่วนกลุ่มเสี่ยงที่ควรระวังเป็นพิเศษคือ ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ควรใช้แอร์อย่างระมัดระวังมากเป็นพิเศษหลีกเลี่ยงการอยู่ในห้องแอร์นานเกินไป และควรปรับอุณหภูมิให้อบอุ่นสบาย ไม่เย็นจัด

ท้ายที่สุดสรุปได้ว่า พัดลมและแอร์สามารถทำให้เป็นหวัดได้ หากใช้งานไม่ถูกวิธี การดูแลความสะอาด ปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม และเปิดระบายอากาศเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้การใช้เครื่องทำความเย็นในหน้าร้อนปลอดภัย และไม่กระทบต่อสุขภาพ

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก sanook.com

วงในมาเฉลย ถ้าเห็น "ฟลามิงโก้สีชมพู" หมายถึงอะไร? รหัสลับที่คนบนเรือสำราญรู้กัน

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

พบจารึกลับใน "มหาพีระมิดแห่งกีซา" เผยความจริงใครคือผู้สร้าง ไม่ใช่ทาสอย่างที่คิด

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

รู้จัก สินค้าตัวโชว์ เทรนด์ขายของจากร้านใหญ่ราคาดี แต่คุณต้องดูให้ดี!

5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เด็กดี 5 ขวบ จู่ๆ ยืนกรานไม่ไป รร. แม่ค้นพบความลับ “เจ็บปวด” เกินวัยอนุบาลจะรับไหว!

6 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความต่างประเทศอื่น ๆ

วงในมาเฉลย ถ้าเห็น "ฟลามิงโก้สีชมพู" หมายถึงอะไร? รหัสลับที่คนบนเรือสำราญรู้กัน

sanook.com

พบจารึกลับใน "มหาพีระมิดแห่งกีซา" เผยความจริงใครคือผู้สร้าง ไม่ใช่ทาสอย่างที่คิด

sanook.com

ข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และเวียดนามทำให้เกิดความไม่แน่นอนครั้งใหม่เกี่ยวกับจีน

ไทยโพสต์

ชายหัวหมอ อ้างเป็น ผอ.บริษัท ซุกเมียน้อย 200 คน

อีจัน

8-11 ก.ค.นี้ 'มาริษ เสงี่ยมพงษ์' รมว.กต. มีกำหนดเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 58

VoiceTV

กงสุลใหญ่ฟูกูโอกะ เตือนคนไทยในญี่ปุ่น เฝ้าระวัง หลังแผ่นดินไหว 5.5 เขย่าคาโงชิมะ

Thaiger

เด็กดี 5 ขวบ จู่ๆ ยืนกรานไม่ไป รร. แม่ค้นพบความลับ “เจ็บปวด” เกินวัยอนุบาลจะรับไหว!

sanook.com

ยังไงนะพี่? "ฮุน เซน" สั่งเจ้าของปั๊ม ปตท. ในกัมพูชา เลิกใช้น้ำมันไทย และห้ามเปลี่ยนชื่อ

THE ROOM 44 CHANNEL

ข่าวและบทความยอดนิยม

เด็กดี 5 ขวบ จู่ๆ ยืนกรานไม่ไป รร. แม่ค้นพบความลับ “เจ็บปวด” เกินวัยอนุบาลจะรับไหว!

sanook.com

1 โปรตีนพืชชั้นยอด! กูรูยกเทียบเนื้อวัว-อาหารทะเล ดีต่อหัวใจ เสริมฮอร์โมน เพิ่มธาตุเหล็ก

sanook.com

แพทย์ถอดบทเรียน "ลิซ่า" เลือดไหลออกจากหู เตือน 2 สาเหตุหลัก แนะวิธีรับมือเมื่อมีอาการ!

sanook.com
ดูเพิ่ม
Loading...