โฆษก ทบ. แจง “ผู้ช่วยทูตกัมพูชา” ยังนิ่ง หลังไทยแจงหลักฐาน
พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม ผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย ว่า ในที่ประชุมอาจจะมีคำถามบ้างแต่อาจน้อย และอาจได้รับข่าวสารจากทางช่องทางอื่นที่พยายามอยู่แล้ว ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก พยายามชี้แจงและบอกกล่าวสิ่งที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ โดยผู้ช่วยทูตทหารกัมพูชาไม่ได้แสดงท่าทีอะไร และไม่มีคำถามอะไรในที่ประชุม แต่จะมีคำถามจากผู้ช่วยทูตประเทศอื่นมากกว่า ซึ่งเป็นคำถามทั่วไป ตามที่พวกเราเข้าใจกันอยู่แล้ว เราก็ให้เหตุผลไปซึ่งจะมีเอกสารข่าวแจ้งต่อสื่อมวลชนครั้งหนึ่ง
ส่วนประเทศมหาอำนาจ ก็ไม่มีท่าทีอะไร เพราะทุกคนเข้าใจและได้รับข่าวสารจากช่องทางอื่นมาบ้างแล้ว แต่ครั้งนี้เราทำตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก เพื่อให้เป็นในแบบที่เป็นทางการ
ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้มีการแจ้งกรณีที่กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตอวา MOU43 และบูรณภาพดินแดนไทย โดยหลักๆเป็นเรื่องของอนุสัญญาที่ทั้งสองประเทศเป็นสมาชิก พร้อมเล่าถึงกลไกการแก้ปัญหา กรณีความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทยกัมพูชา ซึ่งมีทั้งกลไกของฝ่ายบริหาร กระทรวงกลาโหม และกองทัพภาค ซึ่งทางผู้ช่วยทูตทหารของกัมพูชาไม่ได้มีการแก้ต่างหรือคัดค้านอะไรในที่ประชุม เนื่องจากเป็นสิทธิ์ของแต่ละฝ่าย ทางไทยมีหลักฐานและข้อพิสูจน์ที่ชัดเจน เป็นเรื่องของผู้รับสารว่าความน่าเชื่อถือจะเป็นอย่างไร
พลตรี วินธัย ยืนยันว่าฝ่ายไทยอยู่ในกฎกติกา โดยเฉพาะเรื่องทุ่นระเบิด ที่ไม่ได้มีความได้เปรียบในเชิงยุทธวิธี เนื่องจากไทยก็มีความพร้อมในการดำเนินการทางทหาร ที่สามารถปกป้องอธิปไตยของไทยได้ และอยู่ในกติกา
สำหรับหลักฐานที่ฝ่ายไทยได้ชี้แจงในที่ประชุม ไม่มีผู้ช่วยทูตทหารประเทศใดที่ติดใจ ฝ่ายไทยจึงมีการให้เหตุผลเพิ่มเติม เพราะหลายคนรับฟังข้อมูลจากหลายทาง วันนี้จึงเป็นการมาฟังข้อมูลอย่างเป็นทางการ
ส่วนที่ประชาชนสงสัยเรื่องการตอบโต้ทางการ เป็นเรื่องของหน่วยงานในพื้นที่ ซึ่งจะพยายามใช้ความอดทนกลั้น และสันติวิธี เป็นหลัก ส่วนเรื่องอื่นให้กองทัพภาคที่ 2 เป็นผู้ประเมินเอง ไม่อยากให้กังวลหรือคิดในเรื่องที่ไม่ดี เนื่องจากกองทัพภาคที่ 2 พูดมาโดยตลอดว่าพร้อมในทุก ๆ วิธี ซึ่งเป็นเรื่องที่ชอบทำตามกฎและกติกา
ขณะที่การยื่นเอกสารให้แต่ละประเทศนั้น กระทรวงต่างประเทศได้ดำเนินการแล้ว หลังจากเกิดเหตุมี 2 ลักษณะงานในระดับต่างประเทศ กระทรวงต่างประเทศกำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งได้ประสานงานอย่างใกล้ชิด ส่วนหน่วยปฏิบัติในพื้นที่สิ่งแรกที่ต้องทำนอกเหนือจากการดูแลคนเจ็บ คือการดูแลความปลอดภัยของกำลังพล และเก็บกู้ทุ่นระเบิดที่เหลือ
ส่วนในวันที่ 27 กรกฎาคมนี้ คนไทยมีการนัดหมายไปเผชิญหน้ากับคนกัมพูชาที่ประสาทตาเมืองธม กองทัพภาคที่ 2 มีแนวทางในการดำเนินการอยู่แล้ว วันนี้แม่ทัพภาคที่ 2 ได้พูดในที่ประชุม เรื่องการจัดการกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าสนับสนุนจากสถานการณ์ หากมีความขัดแย้ง อาจมีแนวทางในการดำเนินการ ในฐานะผู้รับผิดชอบในพื้นที่ ทำให้เขาทางแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้ให้ข้อมูลดีกว่า และให้แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้ประเมินสถานการณ์ว่าจะต้องสั่งปิดปราสาทตาเมืองธมหรือไม่