อสังหาฯ หน้าใหม่ “มอเรส ดีเวลลอป” ผงาด! รุกตลาดบ้านลักชัวรี
ในยุคที่ตลาดบ้านระดับลักชัวรีมีผู้เล่นหน้าเก่าครองตลาดอย่างเหนียวแน่น “มอเรส ดีเวลลอป” (MORES DEVELOP) กลับเป็นหน้าใหม่ที่น่าจับตาอย่างยิ่ง ความน่าสนใจอย่างหนึ่งคือไม่ได้ถือกำเนิดจากผู้พัฒนาอสังหาฯ มืออาชีพ แต่จากผู้บริโภคธรรมดาที่พยายามดูบ้านหรูทั่วกรุงเทพฯ และยังไม่เจอบ้านที่ตอบโจทย์สำหรับตนเอง
นายอรรณพ จิตติปัญญากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มอเรส ดีเวลลอป จำกัด กล่าวถึงจุดเริ่มต้นในวงการอสังหาริมทรัพย์ว่า ได้เริ่มต้นมากจากประสบการณ์ในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ ของเล่นเด็ก วัสดุก่อสร้างฉนวนกันความร้อน และวงการกระดาษซึ่งมูลค่าราว 1,500-2,000 ล้านบาท มากว่า 30 ปี ซึ่งในตอนแรกเริ่มต้นธุรกิจบ้านลักชัวรีจากบทบาทของ “ผู้บริโภค” ที่มีความหลงใหลในการอยู่อาศัย และได้ตระเวนดูบ้านทั่วทุกทำเล แต่ยังไม่เจอที่ตอบโจทย์ จึงผันตัวมาพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อแบบบ้านที่ตอบโจทย์ความต้องการในการใช้ชีวิตได้จริง ทั้งฟังก์ชัน ดีไซน์ และความคุ้มค่ากับราคาที่จ่าย
อีกทั้ง ได้จุดประกายชักชวนเพื่อนอีก 2 คนโดยร่วมกับ นายฐิติเวท กิตติรัตน์ วุฒิสถาปนิกผู้เชี่ยวชาญด้านงานสถาปัตยกรรม และนายปิยวุฒิ เหลืองอร่ามพานิช ผู้เชี่ยวชาญด้านการก่อสร้างกว่า 30 ปี มาเปิดบริษัทพัฒนาโครงการโดยใช้ความเชี่ยวชาญของแต่ละคนที่ต่างมาจากสายงานสถาปัตย์ วิศวกรรม และอุตสาหกรรม ร่วมกันถือกำเนิดมอเรส ดีเวลลอปและพัฒนาแบรนด์ “MEKA” ขึ้นมา
โดยโครงการล่าสุดอย่าง MEKA CRESCENT สาทร-ถนนจันทน์ บ้านเดี่ยว 4 ชั้นจำนวน 6 ยูนิต พื้นที่ใช้สอย 750–950 ตารางเมตร ในราคาเริ่มต้น 65 ล้านบาท จุดขายคือความเอ็กซ์คลูซีฟและงานดีไซน์ที่ไม่ซ้ำใคร พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น Private Lift, EV Charger, Solar Roof และที่จอดรถซูเปอร์คาร์
นอกจากนี้ 2 โครงการก่อนหน้าที่บริษัทได้พัฒนา ได้แก่
- MEKA RAMINTRA บ้านเดี่ยว 3 ชั้น 23 ยูนิต ราคา 18-60 ล้านบาท ปัจจุบันเหลือขายเพียง 5 หลัง
- MEKA SIGNATURE ย่านสาทร-เจริญราษฎร์ 7 ยูนิต ราคา 75–79 ล้านบาท ปัจจุบันเหลือขายเพียง 1 ยูนิต
รวมทั้ง 3 โครงการมีเพียง 35 ยูนิต มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นจุดยืนที่ชัดเจนของ มอเรส ที่ไม่ต้องการพัฒนาโครงการใหญ่ แต่เน้นงานคราฟต์ บ้านคุณภาพสูง ความเป็นส่วนตัว และดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์แบบ “made for real living” ซึ่งนับตั้งแต่การเริ่มต้นของบริษัทที่เกิดขึ้นในปี 2565 และเริ่มรับรู้รายได้ในปี 2566 โดยมียอดโอนในปี 2567 เกือบ 400 ล้านบาท และคาดการณ์ว่าปีนี้จะมีรายได้ประมาณ 200 ล้านบาท
ในด้านความปลอดภัย โครงการได้มอบหมายให้ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เข้ามาดูแลด้านเทคโนโลยีความปลอดภัยอย่างครบวงจร ด้วยระบบ LIV-24 Security System ที่ผสาน AI Technology กับความเชี่ยวชาญของบุลคากร รวมถึงการบริหารจัดการนิติบุคคลและส่วนกลางทั้งหมด เพื่อยกระดับความปลอดภัยและความเป็นอยู่ที่ดีให้กับลูกบ้านของมอเรส
นอกเหนือจากบ้านหรูแล้ว นายอรรณยังเปิดเผยเป้าหมายในระยะยาวที่จะพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์หลากหลายประเภทมากขึ้น รวมถึงทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียม โดยกำลังวางแผนพัฒนาโครงการใหม่เป็นทาวน์โฮมลักชัวรีในย่านพระราม 3 จำนวนประมาณ 6-9 ยูนิต บนที่ดินราว 3 ไร่ ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวต้นปี 2569 เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการบ้านขนาดย่อมลง แต่ยังต้องการคุณภาพแบบ MEKA
รวมถึงในอีก 3-5 ปีข้างหน้า มอเรส ดีเวลลอป ตั้งเป้าที่จะพัฒนาคอนโดมิเนียมและทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก ซึ่งแม้จะอยู่ท่ามกลางความท้าทายในการทำตลาดและแข่งขันสูง แต่หากทำสำเร็จก็จะเป็นที่จดจำและสร้างความสำเร็จของแบรนด์ที่ยิ่งใหญ่ อีกทั้ง นายอรรณพยังเปรยถึงอีกหนึ่งความฝันในอนาคตคือการสร้างโครงการมิกซ์ยูสที่มีทั้งอาคารสำนักงาน, และพลาซ่า สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ที่ต้องการสร้างความหลากหลายในพอร์ตธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ทั้งนี้ นายอรรณพยังแสดงความไม่กังวลต่อคู่แข่งในตลาด โดยเผยความเชื่อมั่นในคุณภาพและการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของมอเรส ดีเวลลอป ที่เน้นการคัดสรรวัสดุคุณภาพสูงระดับสากล และทีมงานผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อให้บ้านทุกหลังเป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย