ภาษีทรัมป์ จะเบรกความร้อนแรงของ “มัทฉะ” ได้หรือไม่
มัทฉะ ชาเขียวคุณภาพสูงจากประเทศญี่ปุ่น กำลังเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมของคนทั่วโลก ความต้องการที่ถาโถมเข้ามา ทำให้ราคาขายปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง
ข้อมูลจากสมาคมชาแห่งประเทศญี่ปุ่น (Global Japanese Tea Association) ระบุ ราคาเฉลี่ยของเทนฉะ (Tencha) ใบชาเขียวก่อนบดเป็นมัทฉะ เมื่อเดือนเม.ย. 2568 อยู่ที่กิโลกรัมละ 8,235 เยน เพิ่มขึ้น 1.7 เท่าจากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า ขณะที่ความต้องการมัทฉะตั้งแต่ปี 2566 เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 10% คาดว่ามูลค่าตลาดจะทะลุ 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 164,200 ล้านบาท) ในปี 2571 (ข้อมูลจาก Forbes)
ความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากทั่วโลก ทำให้ฟาร์มมัทฉะในญี่ปุ่น เดินหน้าเพิ่มผลผลิตให้ทันกับความต้องการ เมื่อปี 2567 ปริมาณเทนฉะเพิ่มขึ้นมากกว่า 2.5 เท่า เมื่อเทียบกับกำลังการผลิตในปี 2557
กระนั้น ด้วยขั้นตอนการปลูกที่ต้องพิถีพิถัน ดูแลเอาใจใส่ ผลผลิตจึงมักไม่เพียงพอกับความต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะแวดล้อม สภาพอากาศที่ไม่เหมือนเดิมและคาดเดาได้ยาก
ตั้งแต่เดือนต.ค. 2567 ที่ผู้ผลิตมัทฉะชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น Ippodo และ Marakyu Koyamaen ประกาศขอจำกัดและยุติการขายมัทฉะบางประเภท เนื่องจากผลผลิตไม่พอ และสถานการณ์ดูเหมือนจะไม่สามารถคลี่คลายได้โดยง่าย
สรวิศ พันธ์เกษม ผู้ก่อตั้งร้านมัทฉะ MTCH ในกรุงเทพมหานคร มัทฉะบาร์สเปเชียลตี้ประจำปีรางวัล Grab ThumpsUp Awards 2025 เปิดเผยว่า ใบเทนฉะฤดูกาลนี้ ซึ่งเริ่มออกสู่ตลาดในช่วงเดือนก.ค. 2568 มีราคาสูงแตะ 10,000 – 15,000 เยนต่อกิโลกรัมแล้ว ยิ่งเกรดที่ใช้มือเก็บ ยิ่งราคาสูง
“2-3 เดือนที่ผ่านมา ร้านขายผงมัทฉะที่เกียวโตและละแวกใกล้เคียง จำกัดการซื้อกับลูกค้าทุกราย ขายให้คนละชิ้น บางร้านไม่ขายให้เด็กนักเรียนและแท็กซี่ เพราะส่วนใหญ่เป็นนอมินีรับจ้างเข้าคิวซื้อ นักท่องเที่ยวที่อยากซื้อมัทฉะมากกว่า 1 ชิ้น บางคนถึงกับลงทุนปลอมตัว ใส่หมวก ใส่แว่นให้กลายเป็นอีกคน เผื่อเจ้าของร้านจำไม่ได้”
สรวิศ บอกว่า ราคาที่ขยับขึ้นต่อเนื่องเช่นนี้ น่าจะกระทบต่อยอดขายในระยะต่อไปแน่ เพราะราคาที่สูงเกินไปจะเป็นปัจจัยผลักไสลูกค้าบางส่วน โดยนอกจากราคาจริงที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังมีราคาเก็งกำไรมาเป็นตัวปั่นอีกต่างหาก
“มีการขายผงมัทฉะในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยอดนิยม ปกติ 100 กรัมที่ 400 บาท ตอนนี้ขายที่ 7,000 บาทยังมีคนซื้อ ปัญหาคือไม่รู้ว่าราคามัทฉะถึงจุดพีกหรือยัง” สรวิศสะท้อนสถานการณ์
ท่ามกลางสารพัดปัจจัยขับเคลื่อนให้ราคามัทฉะไต่ระดับขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง ปัจจัยเดียวที่อาจทำให้ตลาดลดความร้อนแรงลง หนีไม่พ้นอัตราภาษีที่รัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์จัดเก็บกับประเทศคู่ค้าทั่วโลกเพิ่มขึ้น โดยญี่ปุ่นถูกเก็บภาษีอยู่ที่ 15% สิ่งนี้จะทำให้ราคามัทฉะในสหรัฐอเมริกาสูงขึ้นจากภาระภาษีทันที
กระทรวงการคลังญี่ปุ่น เปิดเผยตัวเลขส่งออกชาเขียวญี่ปุ่น (รวมมัทฉะ) เมื่อปี 2567 มีสหรัฐอเมริกาเป็นลูกค้ารายใหญ่ ส่งออกไปกว่า 78% ของการส่งออกทั้งหมด รองลงมาเป็นสหภาพยุโรป อังกฤษ และไต้หวัน ขณะที่ตลาดกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นตลาดที่เติบโตสูง
ภาระภาษีที่จะถูกผลักไปยังผู้บริโภคชาวอเมริกัน จึงอาจทำให้ราคาและความต้องการมัทฉะชะลอความร้อนแรงราวกับกระทิงดุลง ตามประสงค์ของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ต้องการเพิ่มต้นทุนสินค้านำเข้า โดยเฉพาะเมื่อมัทฉะถูกมองว่าเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย คนรักมัทฉะบนพื้นที่ที่เหลือบนโลกใบนี้ จึงน่าจะมีลุ้นได้บริโภคมัทฉะในราคาสบายกระเป๋าขึ้น
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ภาษีทรัมป์ จะเบรกความร้อนแรงของ “มัทฉะ” ได้หรือไม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เปิดเบื้องหลังความฮอตของ “มัทฉะ” เมนูสุขภาพที่มาแรงจนขาดตลาดทั่วโลก
- ภาษีทรัมป์ จะเบรกความร้อนแรงของ “มัทฉะ” ได้หรือไม่
- สวนทางเศรษฐกิจฝืด เปิดสูตรรอดร้านกาแฟยุคข้าวยากหมากแพง “ราคาหลักสิบ” เป็นทางรอดตัวจริง
- อย่าล้อเล่นกับระบบอัลกอริทึมพนันออนไลน์ ยิ่งแข่งยิ่งแพ้
- Kyo Roll En เสิร์ฟความอร่อย เมนูเพียวอูจิมัทฉะเกรดพรีเมียม
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath