ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 รายงานสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 2 สิงหาคม 2568
การตรวจพบโดรนในพื้นที่ชายแดน
มีการตรวจพบอากาศยานไร้นักบิน (โดรน) หลายจุดในพื้นที่ชายแดน ซึ่งอาจกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ส่งผลให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยออกประกาศห้ามการบินโดรนในพื้นที่ดังกล่าวโดยเด็ดขาด ขณะเดียวกัน แม่ทัพภาคที่ 2 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 ได้จัดการประชุมร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง ทั้ง 20 จังหวัด ตำรวจภูธรภาค 3 และ 4 รวมถึง กสทช. เพื่อกำหนดมาตรการป้องกันทั้งเชิงรุกและเชิงรับ
การอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย
มีการอพยพประชาชนจากพื้นที่ชายแดนเข้าสู่จุดรวมพลในพื้นที่ตอนในของ 4 จังหวัด ได้แก่
บุรีรัมย์: 1 จุด, 3,519 คน
สุรินทร์: 156 จุด, 44,887 คน
ศรีสะเกษ: 267 จุด, 46,849 คน
อุบลราชธานี: 71 จุด, 19,321 คน
รวมทั้งหมด 114,576 คน (ลดลงจากก่อนหน้า 16,197 คน) โดยยังไม่มีรายงานความเสียหายเพิ่มเติมหรือผู้บาดเจ็บ-เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้
พระราชทานสิ่งของช่วยเหลือจากในหลวงและพระราชินี
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระราชทานสิ่งของช่วยเหลือแก่กำลังพลแนวหน้า เจ้าหน้าที่ และประชาชนผู้ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้แทนพระองค์จากสำนักพระราชวังมอบสิ่งของพระราชทาน พร้อมการสนับสนุนจากผู้ว่าราชการจังหวัดในการส่งต่อถึงมือประชาชนในพื้นที่ชายแดน
สถานการณ์ในพื้นที่ “ช่องอานม้า”
ก่อนวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 กองทัพไทยยังไม่สามารถควบคุมพื้นที่บริเวณอนุสาวรีย์ “ตาอม” ได้ เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาวางกำลังตรึงพื้นที่ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ฝ่ายกัมพูชาได้นำคณะทูตทหารจาก 13 ประเทศเข้าสังเกตการณ์ และพบว่าขณะนั้นกองทัพไทยสามารถควบคุมพื้นที่อนุสาวรีย์ “ตาอม” ได้แล้ว
ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงแนวทางปฏิบัติร่วมเพื่อป้องกันเหตุปะทะ โดยมีรายละเอียดดังนี้:
จัดกำลังทหารจากทั้งสองฝ่าย ฝ่ายละ 5 นาย ตรวจสอบพื้นที่ร่วมกัน
ห้ามพกพาอาวุธในระหว่างปฏิบัติภารกิจ
เปิดช่องทางการประสานงานตลอดเวลา เพื่อความโปร่งใสและลดความตึงเครียด
การส่งมอบเชลยทหาร
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม เวลา 10.30 น. มีการส่งมอบทหารกัมพูชาที่ถูกควบคุมตัว จำนวน 2 นาย คืนให้ฝ่ายกัมพูชา ขณะนี้ยังคงมีทหารกัมพูชาอยู่ภายใต้การควบคุมของฝ่ายไทยอีก 18 นาย โดยทุกรายได้รับการปฏิบัติตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศและสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด
ขอบคุณน้ำใจจากคนไทยทั่วประเทศ
ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วนที่ร่วมกันบริจาคสิ่งของจำเป็นเพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่และสนับสนุนกำลังพลผู้ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของประเทศ