เปิดบ้าน SECOM ส่องระบบ ‘Hybrid Security’ พลิกโฉมเทคโนโลยีความปลอดภัยกับอัจฉริยะ
ถ้าพูดถึง SECOM หลายคนอาจจะต้องคิดถึงความปลอดภัยที่อยู่ตามร้านอาหารและร้านเสื้อผ้าดังอย่าง Uniqlo แต่จริงๆ แล้วบริษัทแห่งนี้คือแบรนด์รักษาความปลอดภัยที่ไว้ใจด้านและเป็นเบอร์หนึ่งในญีปุ่น เมื่อโลกแห่ง AI มาถึง ก็ต้องบอกว่าทาง SECOM ก็มีนวัตกรรมเรื่องนี้ให้ได้เจาะลึก รอบนี้ Sanook Hitech ได้โอกาสไปยังสำนักงานใหญ่ของ SECOM เจาะลึกกับ “Hybrid Security” ที่ผสานความสามารถของมนุษย์ (Human Intelligence) เข้ากับ AI และระบบควบคุมขั้นสูง เพื่อเป็นคำตอบให้กับองค์กรยุคใหม่ที่ต้องการความปลอดภัยที่ชาญฉลาดและคุ้มค่า เป็นอย่างไรเรามาดูกัน
Hybrid Security คืออะไร?
คุณคิโยชิ โมริยะ กรรมการผู้จัดการของไทยซีคอม อธิบายว่า ในบริบทของประเทศไทยที่ต้นทุนด้านบุคลากรอย่างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสูงขึ้นจากนโยบายภาครัฐ การพึ่งพากำลังคนเพียงอย่างเดียวอาจไม่ใช่คำตอบที่ยั่งยืนอีกต่อไป
Hybrid Security ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างการทำงานของบุคลากรในพื้นที่ เข้ากับเทคโนโลยีจากส่วนกลาง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุนและยกระดับคุณภาพความปลอดภัยไปพร้อมกัน แนวคิดนี้ไม่ได้บังคับให้องค์กรต้องเลือกระหว่าง "คน" หรือ "เทคโนโลยี" แต่สามารถผสานทั้งสองสิ่งเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว
ศูนย์ควบคุม (Control Center) อัจฉริยะ ทำงานอย่างไร
เบื้องหลังความสำเร็จของโซลูชั่น Hybrid Security คือ ศูนย์ควบคุม (Control Center) ที่เปรียบเสมือนสมองของระบบ ซึ่งตั้งอยู่ภายในสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ที่ KingBridge Tower โดยศูนย์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นภายใต้หลักการวางแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ (BCP) เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ดังนี้
ภายในศูนย์ควบคุมมีระบบไฟฟ้าและเครือข่ายสำรอง เพื่อให้การเฝ้าระวังดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่องไม่มีสะดุด
ระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติ ทำงานตามข้อตกลงระดับบริการ (SLA) ที่กำหนดไว้กับลูกค้า หากมีการร้องขอ
การเชื่อมต่อตรงกับหน่วยงานฉุกเฉิน ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน ศูนย์ควบคุมสามารถประสานงานโดยตรงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หน่วยดับเพลิง และบริการฉุกเฉินอื่นๆ ได้ทันที เพื่อการตอบสนองที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นกับโปรโมชั่นที่มีการตกลงตั้งแต่แรก
นอกจากนี้ทาง SECOM ได้มีการให้บริการแบบมืออาชีพด้วยเจ้าหน้าที่ศูนย์ควบคุมผ่านการฝึกอบรมอย่างเข้มข้น ไม่เพียงแค่เฝ้าระวัง แต่พร้อมประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันทีเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
โซลูชั่น B2B ที่ยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้
SECOM ได้นำเสนอเทคโนโลยีนี้สู่ตลาดในรูปแบบบริการ"ระบบรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจร" (Comprehensive Security) ซึ่งออกแบบมาให้มีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับให้เข้ากับธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่ SMEs, ร้านค้าปลีก ไปจนถึงคลังสินค้าและโรงงานขนาดใหญ่
สิ่งที่ลูกค้าจะได้รับในโซลูชั่นนี้ ประกอบด้วย:
ฮาร์ดแวร์: เซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว, สัญญาณเตือนไฟไหม้ และอุปกรณ์อื่นๆ
ซอฟต์แวร์และแพลตฟอร์ม: ลูกค้าสามารถควบคุมและตรวจสอบสถานะของระบบได้ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือและเว็บพอร์ทัล
บริการ: การเฝ้าระวังโดยผู้เชี่ยวชาญตลอด 24 ชั่วโมง , บริการบำรุงรักษาอุปกรณ์ฟรีปีละ 1 ครั้ง , และการรับประกันอุปกรณ์ตลอดอายุสัญญา
ความคุ้มครอง: มีวงเงินประกันภัยความรับผิดชอบต่อระบบและประกันการโจรกรรมทรัพย์สินรวมอยู่ในแพ็กเกจ
บริการทั้งหมดนี้มาในรูปแบบ Subscription และ On-demand ที่สามารถปรับขนาดได้ตามการเติบโตขององค์กร ทำให้สามารถบริหารจัดการงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนลูกค้าแบบ B2C นั้นก็สามารถสมัครได้โดยเริ่มต้นไม่ถึงพันบาท (ไม่รวมอุปกรณ์เสริม)
กรณีศึกษาที่น่าสนใจของ SECOM
คุณวิทวัต เพชรกระจายแสง ผู้อำนวยการอาวุโสจากธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นลูกค้าของ SECOM มากว่า 6 ปี และมีการติดตั้งระบบไปแล้วกว่า 140 สาขา กล่าวว่า "การมีหลายสาขาทำให้ต้องการระบบที่มั่นใจได้และยืดหยุ่น SECOM ไม่ได้เป็นแค่ผู้ให้บริการ แต่เป็นพาร์ตเนอร์ที่เข้าใจธุรกิจเรา การจัดการอุปกรณ์ความปลอดภัยด้วยตัวเองในทุกสาขานั้นยากและมีค่าใช้จ่ายสูง ทีมบริการของ SECOM ที่ครอบคลุมทั่วประเทศและตอบสนองได้รวดเร็วช่วยเราได้มาก"
และนอกจากนี้ SECOM กำลังสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมความปลอดภัยในประเทศไทย สำหรับองค์กรและผู้ที่สนใจ สามารถเข้าสัมผัสเทคโนโลยีและนวัตกรรม AI ของจริงได้ในโซน “Interactive Security Experience” ณ โชว์รูมสำนักงานใหญ่ เพื่อทดลองใช้งานแอปพลิเคชันและดูการทำงานของระบบต่างๆ อย่างใกล้ชิด
เรียกว่าหากใครอยากได้ประสบการณ์เกี่ยวกับความปลอดภัยหรือสนใจที่จะติดตั้ง สามารถติดต่อเพื่อขอคำปรึกษาและนัดหมายเข้าชมได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-026-6593 หรือติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.secom.co.th ได้เลย