“ไมเนอร์ ฟู้ด” ยัน 6 สาขาในกัมพูชาไร้ผลกระทบ เตรียมส่งแฟรนไชส์เจาะอินโดนีเซีย-อินเดีย
ไมเนอร์ ฟู้ด เปิดแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี ขยายร้านแฟรนไชส์เพิ่มเท่าตัวเป็น 2,500 สาขา ในปี 2572 โฟกัสตลาดใหม่ “อินโดนีเซีย-อินเดีย” ส่วน6 สาขาในกัมพูชาไร้ผลกระทบ ยันไม่พับแผนขยายสาขา ส่วนในไทยเล็งขยายสาขาในรูปแบบ stand-alone modular store และflagship store นอกห้างฯ ชิงยอดขายช่วงดึก
นายธันยเชษฐ์ เอกเวชวิท ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า
ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มทั่วโลกอยู่ในช่วงฟื้นตัวและมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง แต่พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ภาคธุรกิจต้องปรับตัวอยู่เสมอ
ไมเนอร์ ฟู้ด จึงได้ประกาศกลยุทธ์ "Passion for Growth" เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตขององค์กรในช่วงปี 2568-2572 โดยมุ่งเน้นการเสริมความแข็งแกร่งของโมเดลธุรกิจผ่านการขยายเครือข่ายแฟรนไชส์ไปยังตลาดที่มีศักยภาพทั่วโลก
ปัจจุบัน ไมเนอร์ ฟู้ด มีพอร์ตธุรกิจกว่า 30 แบรนด์ มีร้านค้ากว่า 2,700 สาขาใน 24 ประเทศทั่วโลก โดยเป็นร้านแฟรนไชส์ 1,300 สาขา คิดเป็น 48% ของทั้งหมด บริษัทตั้งเป้าขยายร้านแฟรนไชส์เพิ่มขึ้นเป็น 2,500 สาขาภายใน 5 ปี หรือคิดเป็น 56% ของพอร์ตธุรกิจทั้งหมด ภายใต้ 3 แกนหลัก ได้แก่
1. ขยายแบรนด์แฟรนไชส์ในไทยให้ครอบคลุม
โดยมุ่งเน้นการขยายแบรนด์ยอดนิยมอย่าง บอนชอน (Bonchon), แดรี่ควีน (Dairy Queen) และ กาก้า (GAGA) เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั่วประเทศ พร้อมพัฒนารูปแบบร้านใหม่ๆ เช่น Dairy Queen stand-alone modular store ที่ตั้งอยู่ใกล้ร้านสะดวกซื้อและมีที่จอดรถ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าใกล้บ้าน
ซึ่งโมเดลนี้สร้างยอดขายหลังเวลาห้างปิดได้ถึง 20% นอกจากนี้ยังสามารถย้ายร้านได้ง่ายหากทำเลไม่เหมาะสม ทำให้เข้าถึงพื้นที่ชุมชน มหาวิทยาลัย หรือหอพักได้ดียิ่งขึ้น สร้างยอดขายสูงกว่าโมเดลปกติ 15-20% ในปีนี้มีแผนขยายสาขาโมเดลนี้เพิ่ม 15 สาขา
นอกจากนี้ไมเนอร์ ฟู้ด ยังให้ความสำคัญกับร้านโมเดล แฟล็กชิป เช่น สเวนเซ่นส์ขอนแก่น และพิซซ่าแพร่ รวมถึงสเวนเซ่นส์ บีช คอนเซ็ปต์ ที่มียอดขายเติบโตถึง 3 เท่า และเตรียมเปิด กาก้า แฟล็กชิป ที่หาดใหญ่เร็วๆ นี้
ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแบรนด์ที่แข็งแกร่งสามารถเป็นจุดหมายปลายทางของลูกค้าได้ ในปัจจุบัน บริษัทมีแบรนด์แฟรนไชส์ในไทย 6 แบรนด์ ตั้งเป้าขยายกาก้า 14 สาขา และบอนชอน 19 สาขา โดยเน้นพื้นที่ชุมชนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
2. ผลักดันการขยายสาขาในต่างประเทศ
ไมเนอร์ ฟู้ด เดินหน้าขยายตลาดในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะใน อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็ว สามารถเพิ่มจำนวนสาขาของแดรี่ควีนเป็น 33 สาขา และกาก้า 32 สาขาภายใน 1 ปี
นอกจากนี้ยังเล็งขยายตลาดไปยังประเทศอื่นๆ ในเอเชีย เช่น จีน สิงคโปร์ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่าง CLMV และภูมิภาคตะวันออกกลาง ด้วยแบรนด์หลักอย่าง เดอะ พิซซ่า คอมปะนี, สเวนเซ่นส์, ซิซซ์เล่อร์ และ เดอะ คอฟฟี่ คลับ
ตลาดใหม่ที่กำลังจะเข้าไปคือ อินเดีย โดยจะใช้แบรนด์ฮ็อตและแบรนด์ขนมหวานนำร่อง ขณะที่ในตะวันออกกลาง จะใช้“เบนิฮานา สเต็กเฮ้าส์” เป็นแบรนด์นำร่องเสริมทัพ “เดอะ คอฟฟี่ คลับ” ที่มีอยู่แล้ว
“อินเดียและอินโดนีเซีย มีจำนวนประชากรหนุ่มสาวและสัดส่วนกลุ่มวัยทำงานที่ยังขยายตัวต่อเนื่อง และเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็วส่งผลให้กำลังซื้อเติบโตตามไปด้วย และแบรนด์ของเราแข็งแรงพอที่จะแข่งกับแบรนด์ระดับโลกได้ นอกจากนี้เรายังมองตลาด “ฟิลิปปินส์” เพิ่มเติม
ในส่วนของ “กัมพูชา” ปัจจุบันเรามีสาขาราวๆ 5-6 สาขาผ่านแฟรนไชส์ซี เหตุการณ์ตึงเครียดที่เกิดขึ้นยังส่งผลกระทบต่อโอเปอเรชั่นไม่มากและยังไม่มีสัญญาณยกเลิกแฟรนไชส์ เรายังมีแผนขยายสาขาต่อเนื่องทั้งเวียดนาม ลาวและกัมพูชา”
3. พัฒนาและขยายแบรนด์ใหม่
บริษัทมุ่งพัฒนาและขยายแบรนด์ใหม่เพื่อตอบโจทย์เทรนด์อาหารที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งการพัฒนาแบรนด์เอง, การร่วมทุนกับพันธมิตร หรือการเข้าซื้อแบรนด์ที่มีศักยภาพ ตัวอย่างเช่นการเปิดตัวแบรนด์ใหม่เดอะ สเต็ก แอนด์ มอร์ (The STEAK & MORE) เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบสเต็กรสชาติเข้มข้นในราคาที่เข้าถึงง่าย
จุดแข็งของไมเนอร์ ฟู้ด คือความสามารถในการขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็วด้วยทรัพยากร เครือข่าย และซัพพลายเชนที่มีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถควบคุมต้นทุนได้ดีจาก Economies of Scale ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันที่มองหาแบรนด์ที่คุ้มค่า
“สังคมไทยมีความเป็นเมืองมากขึ้น กลุ่มชนชั้นกลางมองหาประสบการณ์ในการบริโภคโปรตีนที่เข้าถึงง่าย แบรนด์นี้จึงสามารถเปิดได้ในทุกทำเล ทั้งไฮเปอร์มาร์เก็ต, Mixed-use , อาคารสำนักงาน, ห้างสรรพสินค้า หรือปั๊มน้ำมัน โดยมีแผนเปิดเองไม่เกิน 20% ที่เหลือจะเป็นแฟรนไชส์ และมาสเตอร์แฟรนไชส์ในระดับภูมิภาคด้วย”
ตั้งเป้าเติบโต Double Digit ทุกปี
ไมเนอร์ ฟู้ด ตั้งเป้าการเติบโต Double Digit ทุกปี โดยในปีนี้เน้นการเติบโตของกำไรมากกว่ายอดขาย และตั้งเป้าว่าภายในปี 2572 จะมีร้านอาหารและเครื่องดื่มรวมกว่า 4,500 ร้าน โดยมีร้านแฟรนไชส์กว่า 2,500 ร้าน ซึ่งคิดเป็น 56% ของพอร์ตธุรกิจทั้งหมด
กลยุทธ์แฟรนไชส์ช่วยลดการลงทุน ทำให้เติบโตได้เร็วและมีโอกาสขยายสาขาได้อีกมาก บริษัทเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของแบรนด์ที่หลากหลาย ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบเมื่อเทียบกับบริษัทแฟรนไชส์ระดับโลกอื่นๆ ที่มักมีเพียงไม่กี่แบรนด์
“เรามีแบรนด์ในพอร์ตที่หลากหลายในไทยกว่า 20 แบรนด์และสิงคโปร์ 20-30แบรนด์ เราเป็นทั้งแฟรนไชส์ซอ และแฟรนไชส์ซี ทำให้เราเข้าใจแฟรนไชส์ซีในการเป็นโอเปอเรเตอร์ที่ยืดหยุ่นซึ่งจะช่วยให้แฟรนไชส์ซีสามารถสร้างเวลท์ได้มากขึ้น”
อย่างไรก็ดีแม้เศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่ความต้องการของผู้บริโภคยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะแบรนด์ที่สร้างความคุ้มค่าและเข้าถึงง่าย ซึ่งเป็นจุดที่แบรนด์หลักของไมเนอร์ ฟู้ด ได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาตอบโจทย์ ทำให้ในช่วงครึ่งปีแรกมียอดขายเติบโต 3%