‘เสี่ยหนุ่ม’ ร้อง ‘ดร.แก้ว’ ช่วยด้านกฎหมาย หลังถูก ‘อดีตกิ๊กสาว’ แจ้งเอาผิดกล่าวหา ส่งลูกน้องบุกทำร้าย-พ่นสีรถ
จากกรณี น.ส.นิดหน่อย (นามสมมุติ) อายุ 33 ปี ชาว จ.อุบลราชธานี อาชีพพนักงานพีอาร์ เข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.ปากคลองสาน โดยอ้างว่าถูก นายเต๋า (นามสมมุติ) เสี่ยเจ้าของธุรกิจจำหน่ายสีและทินเนอร์ อดีตแฟนที่เลิกรากันไปตามราวี มีการส่งลูกน้องมารุมทำร้ายร่างกาย แถมยังใช้สีสเปรย์พ่นข้อความหยาบคาย ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย ส่วนสาเหตุที่เลิกรากัน ก็เพราะทนอารมณ์รุนแรงของฝ่ายชายไม่ไหว ซึ่งตำรวจจะได้เรียกตัวผู้เกี่ยวข้องมาสอบสวนตามขั้นตอนกฎหมาย
พีอาร์สาวแจ้งความแฟนเก่าตามราวี ส่งลูกน้องรุมยำ-พ่นสเปรย์ข้างรถด่า
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 16 ส.ค. นายเต๋า (นามสมมุติ) อายุ 43 ปี เจ้าของธุรกิจจำหน่ายสีและทินเนอร์ นำเอกสารเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับ ดร.ปรเมศร์ ชัยพัชรกุลพงษ์ หรือ “ดร.แก้ว” ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจ “ดร.แก้วช่วยได้” พร้อมชี้แจงข้อเท็จจริงว่า เรื่องที่ฝ่ายหญิงแจ้งความไม่เป็นความจริง ตนไม่เคยส่งลูกน้องไปทำร้ายร่างกาย หรือไปพ่นสีรถของอีกฝ่าย เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นหนังคนละม้วน
โดย นายเต๋า เล่าให้ฟังว่า ตนรู้จักกับ น.ส.นิดหน่อย ทำงานเป็นพีอาร์ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใน จ.นนทบุรี เมื่อปี 2566 และได้ตกลงคบหาเป็นกิ๊กกันมาประมาณ 1 ปี ขณะนั้นตนมีครอบครัวอยู่แล้ว และฝ่ายหญิงก็ทราบเรื่องนี้แต่ก็ยังคบหากันอยู่ โดยมีข้อตกลงคือห้ามไปยุ่งกับภรรยาของตนเด็ดขาด ตลอดระยะเวลาที่คบกันก็ไปมาหาสู่กันตลอด เนื่องจากตนกับภรรยาไม่ได้อยู่ด้วยกัน ตนดูแลกิ๊กสาวอย่างดี ทั้งค่าเช่าคอนโดฯ ค่ารถ ค่าน้ำมัน ค่ากิน ค่าเที่ยว จัดการให้ตลอด
กระทั่งเวลาผ่านไปจนถึงช่วงเดือนกันยายน 2567 ตนเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลประมาณ 3 เดือน ทำให้การติดต่อกับกิ๊กสาวลำบากขึ้น เพราะภรรยาของตนต้องคอยดูแลและทำแผลให้ตลอดเวลา สุดท้ายตนจึงเลิกรากับกิ๊กสาวเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งช่วงก่อนจะเลิกรากันนั้น ปรากฏว่าตนจับได้ว่ากิ๊กสาวแอบมีคนอื่น แต่ยังมาขอเงินใช้อยู่ ทำให้ตนรู้สึกถูกหลอก จึงตัดสินใจติดต่อไปเพื่อขอเงินบางส่วนคืน เคยไปตามหาที่ทำงาน แต่กิ๊กสาวก็หลบหน้าและวิ่งหนี แถมยังส่งไลน์มาหาตนว่า "…ตนโง่ให้เงินมาเอง…"
จนเมื่อวันที่ 8 ส.ค. ที่ผ่านมา ฝ่ายหญิงไปออกข่าวว่าเลิกรากับตนตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2567 ทั้งที่ตนเองมีหลักฐานหลายอย่างว่า ตนกับฝ่ายหญิงเพิ่งเลิกรากันไม่นาน ทั้งแชตที่พูดคุยกัน สเตตเมนต์ รูปภาพและคลิปที่ฝ่ายหญิงส่งให้ตนดูล่าสุด นอกจากนี้ยังมีการกล่าวหาว่า ตนไปตามราวีไม่เลิก ส่งลูกน้องไปทำร้าย และพ่นสีรถยนต์ ซึ่งเรื่องทั้งหมดล้วนไม่เป็นความจริง ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ที่ฝ่ายหญิงถูกทำร้ายก็เพราะไปมีเรื่องกับเพื่อนที่ทำงานด้วยกัน หากมีหลักฐานว่าตนมีส่วนร่วมด้วยก็ขอให้นำออกมาโชว์
ส่วนสาเหตุที่ตนเพิ่งจะออกมาร้อง ดร.แก้ว เพราะห่วงความรู้สึกทั้งภรรยาและลูกสาวคนโต ซึ่งตนรู้สึกผิดกับครอบครัว อีกทั้งต้องการปกป้องชื่อเสียง รวมถึงได้รับผลกระทบทางธุรกิจ ตอนนี้รู้สึกสบายใจขึ้น หลังจากที่เครียดมาหลายวัน อยากให้ ดร.แก้ว ช่วยเหลือทางด้านคดีความ ตนทราบว่า ฝ่ายหญิงมีผู้หลักผู้ใหญ่ช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง จึงอยากฝากถึงทุกคนที่ช่วยเหลือ ให้ดูเอกสารหลักฐานด้วย อย่าเชื่อแค่คำพูดของฝ่ายหญิง เพราะฝั่งตนก็มีหลักฐานเยอะมาก ๆ เหมือนกัน
ด้าน ดร.แก้ว กล่าวว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากนายเต๋า ว่าได้รับความเดือดร้อนจากคู่กรณีซึ่งเคยเป็นคนรักเก่า กล่าวหาว่าฝั่งผู้ชายตามราวีไม่ยอมเลิก ส่งลูกน้องรุมทำร้ายร่างกาย พ่นสีสเปรย์ใส่รถเก๋งด้วยข้อความหยาบคาย จากที่ดูหลักฐานทางฝั่งผู้ชายมีหลักฐานเยอะมาก และการที่น้องผู้หญิงไปให้ข่าวนั้นไม่ตรงกับความเป็นจริง ซึ่งฝั่งผู้ชายได้มาร้องขอความเป็นธรรม และห่วงความปลอดภัยของตนเอง ตนการันตีว่าเราอยู่ในประเทศไทย ไม่มีอะไรอยู่เหนือกฎหมาย ส่วนเรื่องคดีความ ตนยินดีให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ตนอยากฝากถึงน้องผู้หญิงว่า ให้ต่างคนต่างอยู่ดีกว่า หากฝั่งผู้ชายจบแล้วเราก็ต้องจบ เพราะหากเราไม่จบจะมีคดีความตามมา สุดท้ายฝากถึงพี่ผู้ชายทั้งหลาย อยากให้ระมัดระวังในการใช้ชีวิตนอกบ้าน ครอบครัวเราดีที่สุด.