โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สุขภาพ

How to รับมือ ในวันที่ลูกถูกบูลลี่ | หมอคู่คิดส์ แพลตฟอร์มหมอเด็กออนไลน์

หมอคู่คิดส์

อัพเดต 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา • MorKooKids TEAM

Highlight
– การบูลลี่ คือ พฤติกรรมที่จงใจทำร้ายผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกาย จิตใจ หรือสังคม
– ควรหมั่นดูพฤติกรรมลูกเสมอ ลองคุยกับลูกด้วยการใช้คำถามปลายเปิด ไม่ชี้นำ
– เด็กเล็กมักยังไม่สามารถอธิบายความรู้สึกหรือเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจน การเป็นผู้ฟังที่ดีและการให้ความมั่นคงคือสิ่งสำคัญที่สุด
– เด็กโตมักเริ่มมีโลกส่วนตัว แต่พ่อแม่ยังสามารถเป็นโค้ชที่ดี โดยให้คำปรึกษาอย่างเข้าใจ
– ผลกระทบระยะยาว คือ ผลการเรียนแย่ลง อาจเกิดภาวะซึมเศร้า ส่งผลต่อสุขภาพกาย เป็นต้น

เมื่อเราส่งลูกไปโรงเรียน เราคาดหวังว่าพวกเขาจะได้เรียนรู้ เติบโต และมีความสุขกับเพื่อนๆ แต่ความจริงคือ ไม่ใช่ทุกวันที่ลูกจะได้รับประสบการณ์ที่ดี บางครั้งเด็กๆ อาจต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่เจ็บปวดอย่างการ “บูลลี่” ซึ่งกลายเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นถี่ขึ้นในเด็กตั้งแต่ระดับอนุบาลไปจนถึงวัยรุ่น บทความนี้จะจะพาไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องการบูลลี่ พร้อมวิธีรับมือเพื่อดูแลจิตใจลูกให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

บูลลี่คืออะไร

การบูลลี่ (Bullying) คือ พฤติกรรมที่จงใจทำร้ายผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกาย จิตใจ หรือสังคม และเกิดขึ้นซ้ำๆ โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างความเสียหายให้กับผู้ถูกกระทำ โดยการบูลลี่มี 4 ประเภทหลักๆ ได้แก่

บูลลี่ทางกาย (Physical Bullying)

การทำร้ายร่างกาย เช่น ผลัก เตะ ต่อย เหวี่ยงของใส่ การนำสิ่งของของผู้ถูกกระทำไปทำลายหรือขโมย พบบ่อยในเด็กเล็กและวัยประถม พัฒนากลายเป็นความรุนแรงมากขึ้นได้ในอนาคต

บูลลี่ทางคำพูด (Verbal Bullying)

การใช้คำพูดหยาบคาย ด่าทอ ดูถูก แซว หรือตั้งฉายาที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่นใจและพัฒนาการด้านอารมณ์ของเด็ก การบูลลี่ประเภทนี้พบได้บ่อยและบางครั้งอาจถูกมองข้าม เพราะไม่ได้แสดงออกให้เห็นทางร่างกาย

บูลลี่ทางสังคม (Social Bullying)

การกลั่นแกล้งทางสังคม เช่น การกีดกันไม่ให้เด็กเข้าร่วมกิจกรรม การพูดลับหลัง เสื่อมเสียชื่อเสียง การสร้างกลุ่มเพื่อแบนลูก พฤติกรรมลักษณะนี้ส่งผลให้เด็กมีความรู้สึกโดดเดี่ยว ขาดความมั่นใจ และพัฒนาเป็นโรคซึมเศร้าหรือวิตกกังวลได้

บูลลี่ทางไซเบอร์ (Cyberbullying)

เป็นการกลั่นแกล้งโดยใช้อินเทอร์เน็ตหรือโซเชียลมีเดีย เช่น ส่งข้อความแกล้ง แชร์ภาพ หรือข้อมูลเท็จ จนเกิดการล้อเลียนในโลกออนไลน์ ซึ่งมีความอันตรายเพราะเกิดได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง และแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว ไม่จำกัดวง

วิธีสังเกตเมื่อลูกถูกบูลลี่ พ่อแม่จะรู้ได้อย่างไร

เด็กที่ถูกบูลลี่ส่วนใหญ่มักไม่พูดตรงๆ เพราะกลัวอับอายหรือไม่อยากให้พ่อแม่กังวล แต่จะส่งสัญญาณบางอย่างออกมา หากพ่อแม่สังเกตดีๆ อาจช่วยลูกได้อย่างทันท่วงที ดังนั้นจึงควรหมั่นดูพฤติกรรมลูกเสมอ ลองคุยกับลูกด้วยการใช้คำถามปลายเปิด ไม่ชี้นำ รวมถึงการถามความรู้สึก หากลูกเป็นฝ่ายที่กล้าเล่าปัญหาให้ฟังก่อน อย่าลืมที่จะชื่นชมลูก

สัญญาณเตือนเมื่อลูกถูกบูลลี่

– ไม่อยากไปโรงเรียนหรือมีข้ออ้างบ่อยๆ

– กลับมาบ้านพร้อมรอยฟกช้ำหรือของใช้เสียหาย

– มีอาการซึมเศร้า เครียด หงุดหงิดง่าย

– ถอนตัวจากกิจกรรมที่เคยชอบ หรือออกจากกลุ่มเพื่อน

– มีปัญหาในการนอน ฝันร้ายบ่อย

– เริ่มพูดเรื่องลบต่อตัวเอง เช่น “เราไม่ดี”, “ทำไมไม่มีใครชอบเรา”

– น้ำหนักลดลงหรือระบบขับถ่ายผิดปกติจากความเครียด

– มีอาการปวดหัวหรือปวดท้องโดยไม่มีสาเหตุทางร่างกาย

วิธีรับมือสำหรับ “เด็กเล็ก” เมื่อลูกถูกบูลลี่

เด็กในช่วงก่อนวัยเรียนและวัยประถมต้นมักยังไม่สามารถอธิบายความรู้สึกหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน การเป็นผู้ฟังที่ดีและการให้ความมั่นคงคือสิ่งสำคัญที่สุด โดยวิธีรับมือที่พ่อแม่สามารถทำตามได้ง่ายๆ มีดังนี้

สร้างความไว้วางใจ

พูดคุยกับลูกเป็นประจำ ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เช่น “วันนี้ที่โรงเรียนมีเรื่องอะไรสนุกๆ บ้าง?” เมื่อเด็กเปิดใจได้ จะเล่าเรื่องที่ไม่สบายใจให้เราฟังง่ายขึ้น นอกจากยังอาจนำบทเรียนจากนิทานหรือการ์ตูนมาปรับใช้ให้เข้ากับสถานการณ์จริงได้ด้วย

ส่งเสริมให้ลูกรู้จักปฏิเสธหรือบอกเพื่อน

สอนให้ลูกพูด “หยุดนะ” อย่างมั่นใจเมื่อต้องเผชิญกับผู้กลั่นแกล้ง และให้ลูกเข้าใจว่าไม่มีอะไรผิดที่เขาบอกให้คุณครูหรือพ่อแม่ฟัง เพราะนั่นคือการปกป้องตัวเอง ไม่ใช่การฟ้อง รวมถึงการบอกลูกให้พาตัวเองออกจากวสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยง พร้อมการดูแลตัวเองเบื้องต้น หากเป็นไปได้ให้ลองมองหาเพื่อนกลุ่มใหม่

เสริมความมั่นใจ

ชมเชยในสิ่งที่ลูกทำได้ดี ให้ลูกได้ฝึกกิจกรรมที่เขาถนัด เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันจากภายใน เช่น วาดรูป เล่นกีฬา

แจ้งคุณครูหรือโรงเรียน

พูดคุยกับคุณครู เพื่อประสานการดูแลเด็กในชั้นอย่างมีประสิทธิภาพ ควรหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับผู้ปกครองของเด็กที่เป็นฝ่ายรังแกโดยตรง ให้ทางโรงเรียนเป็นผู้ประสาน

หาที่ปรึกษาเพิ่มเติมเมื่อจำเป็น

หากพ่อแม่รู้สึกหนักใจ หรือไม่แน่ใจว่าจะรับมืออย่างไร ควรปรึกษาหมอเด็กหรือนักจิตวิทยาเด็ก เพราะเด็กเล็กอ่อนไหวเป็นพิเศษต่อผลกระทบด้านอารมณ์

วิธีรับมือการถูกบูลลี่สำหรับ “เด็กโต”

เด็กโตในวัยประถมปลายถึงมัธยมต้นมักเริ่มมีโลกส่วนตัว และอาจไม่อยากให้พ่อแม่เข้ามายุ่งมากนัก แต่พ่อแม่ยังสามารถเป็นโค้ชที่ดี โดยให้คำปรึกษาและแนะแนวทางอย่างเข้าอกเข้าใจ

อย่าด่วนตัดสิน ให้พื้นที่ลูกระบาย

พ่อแม่ควรหาเวลาคุยกับลูกบ่อยๆ สอนให้ลูกได้เล่าถึงปัญหา หากลูกเริ่มเล่าเรื่องแล้ว ควรปล่อยให้ลูกอย่างเต็มที่โดยไม่ขัดจังหวะ โดยเฉพาะในช่วงแรก พ่อแม่ควรหลีกเลี่ยงการตำหนิ เช่น “ทำไมไม่สู้กลับล่ะ” หรือ “บอกแล้วว่าอย่าไปคบเพื่อนคนนั้น” แต่ควรสอนให้ลูกเลือกที่จะไม่ตอบโต้และพาตัวเองออกมาจากสถานการณ์นั้นให้เร็วที่สุด

ช่วยลูกวิเคราะห์สถานการณ์

ชวนคุยว่า “มีทางไหนที่เราจะรับมือได้ดีขึ้นไหม?”, “คิดว่าคราวหน้าเราจะทำอย่างไรดี?” เพื่อฝึกการคิดเชิงวิเคราะห์และให้ลูกรู้สึกว่าเขาควบคุมสถานการณ์ได้ จากนั้นลองฝึกให้ลูกแก้ปัญหาด้วยตัวเอง พร้อมสอนให้ลูกเห็นคุณค่าในตัวเอง

สอนการใช้โซเชียลมีเดียอย่างปลอดภัย

สำหรับกรณีที่ลูกถูกบูลลี่ผ่านโลกออนไลน์ ควรสอนให้เขาระวังเรื่องความเป็นส่วนตัว ไม่แชร์ข้อมูลอ่อนไหว และไม่ตอบโต้ด้วยความโกรธ สามารถบล็อกผู้ไม่หวังดีหรือลบข้อความนั้นออก

สร้างเครือข่ายที่ปลอดภัยให้ลูก

เบื้องต้นให้พยายามบอกลูกว่าอย่าไปไหนคนเดียว หากเพื่อนกลุ่มเดิมเป็นพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัยสำหรับลูก ควรแนะนำให้ลูกหาเพื่อนกลุ่มใหม่ หรือลองไปทำกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น การเข้าชมรม เล่นกีฬา ดนตรี เพื่อสร้างความรู้สึกว่าเขามีที่ยืนในสังคม

ขอความช่วยเหลือ

แนะนำให้ลูกพูดกับครู หรือหากยังลังเล พ่อแม่สามารถอยู่กับลูกขณะพูดคุยกับทางโรงเรียนได้ หรืออาจรวมถึงการปรึกษากับผู้มีประสบการณ์ด้านพฤติกรรมและสุขภาพจิตเด็ก

ผลกระทบระยะยาวของการบูลลี่ในเด็ก

การบูลลี่ไม่ได้ส่งผลแค่ชั่วคราว แต่ยังสามารถสะสมเป็นผลกระทบระยะยาวได้ โดยเฉพาะเด็กในวัยเติบโต เช่น

– ส่งผลต่อเรื่องการกิน

– การนอนหลับผิดปกติหรือฝันร้าย

– ภาวะซึมเศร้า / วิตกกังวลเรื้อรัง

– พัฒนาการทางอารมณ์ล่าช้า หรือมีปัญหาในการแสดงออก

– ทำให้รู้สึกโดดเดี่ยว

– ไม่อยากทำกิจกรรม แม้จะเป็นสิ่งที่ชอบ

– ผลการเรียนแย่ลง ไม่อยากไปโรงเรียน หรืออยากลาออก

– อาจส่งผลไปถึงปัญหาด้านสุขภาพกาย

– เสี่ยงต่อการทำร้ายตัวเอง

สรุปวิธีรับมือเมื่อลูกถูกบูลลี่

เราเข้าใจดีว่าเวลาที่ลูกถูกบูลลี่ พ่อแม่ย่อมรู้สึกเจ็บปวดไม่แพ้ลูก เด็กแต่ละคนอาจตอบสนองต่อความรุนแรงทางจิตใจต่างกัน บางคนเงียบ บางคนแสดงออกมาเป็นความก้าวร้าว หรือบางคนอาจแสดงผ่านโรคทางกาย การบูลลี่ในเด็กคือปัญหาที่ไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากให้เกิด แต่หากลูกต้องเจอกับสถานการณ์นั้นแล้ว เราควรมองเห็นมันเป็นโอกาสในการสอนทักษะชีวิต ให้ลูกรู้จักปกป้องและมองเห็นคุณค่าในตัวเอง ที่สุดแล้วพ่อแม่ไม่จำเป็นต้องแก้ทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง แต่การรับฟัง อยู่เคียงข้าง และหาทางช่วยลูก คือก้าวแรกของการเยียวยาที่ยิ่งใหญ่

คุณพ่อคุณแม่คนไหนที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเลี้ยงดูลูกน้อย อาการเจ็บป่วย พัฒนาการ หรือจิตวิทยาเด็ก สามารถโหลดแอปฯ หมอคู่คิดส์ เพื่อปรึกษาแพทย์ พยาบาล จิตแพทย์ หรือนักจิตวิทยาได้ทันที ใช้งานง่าย คุยได้ตลอด ผ่านระบบแชทและวิดีโอคอล ดาวน์โหลดและปรึกษาเลยวันนี้!

หรือปรึกษาหมอเด็กออนไลน์ผ่าน LINE Health

อ่านบทความความแม่และเด็กเพิ่มเติม

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก หมอคู่คิดส์

RSV ไวรัสตัวร้าย ภัยอันตรายของลูกน้อย | หมอคู่คิดส์ แพลตฟอร์มหมอเด็กออนไลน์

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เมื่อลูกเป็นเด็กช่างสงสัย พ่อแม่ควรทำอย่างไรดี | หมอคู่คิดส์ แพลตฟอร์มหมอเด็กออนไลน์

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความสุขภาพอื่น ๆ

อยากฉลาดขึ้นต้องทำ 3 นิสัยง่าย ๆ ที่ศาสตราจารย์ Columbia แนะนำ

BT Beartai

ไปนอนซะ แล้วปัญหาจะคลี่คลาย ไม่เกินจริงการศึกษาชี้

TNN ช่อง16

RSV ไวรัสตัวร้าย ภัยอันตรายของลูกน้อย | หมอคู่คิดส์ แพลตฟอร์มหมอเด็กออนไลน์

หมอคู่คิดส์

เมื่อลูกเป็นเด็กช่างสงสัย พ่อแม่ควรทำอย่างไรดี | หมอคู่คิดส์ แพลตฟอร์มหมอเด็กออนไลน์

หมอคู่คิดส์

สกสว. ยกเป็นวาระแห่งชาติ คนไทย หายใจด้วยอากาศบริสุทธิ์ภายในปีนี้

กรุงเทพธุรกิจ

เมื่อลูกเป็นเด็กติดจอ พ่อแม่ต้องรับมืออย่างไร | หมอคู่คิดส์ แพลตฟอร์มหมอเด็กออนไลน์

หมอคู่คิดส์

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...