โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สุขภาพ

เมื่อลูกเป็นเด็กติดจอ พ่อแม่ต้องรับมืออย่างไร | หมอคู่คิดส์ แพลตฟอร์มหมอเด็กออนไลน์

หมอคู่คิดส์

อัพเดต 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา • MorKooKids TEAM

Highlight
– เด็กอายุ 0-2 ปี หลีกเลี่ยงการใช้หน้าจอโดยเด็ดขาด
– เด็กอายุ 3-5 ปี จำกัดเวลาหน้าจอไม่เกิน 1 ชั่วโมงต่อวัน
– สัญญาณลูกติดจอที่ควรสังเกต เช่น หงุดหงิดง่าย รอไม่ได้ แยกตัวจากสังคม
– ผลกระทบ คือ เสี่ยงเป็นโรคสมาธิสั้น อารมณ์รุนแรง โมโหร้าย
– พ่อแม่ควรเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ลูกในการใช้จอ

ในยุคที่เทคโนโลยีเข้าถึงได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว ทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น โทรศัพท์มือถือ หรือแท็บเล็ต กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเด็กๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เมื่อการใช้งานกลายเป็น “การติดจอ” ปัญหาก็เริ่มตามมา ทั้งในด้านสุขภาพกาย สุขภาพใจ พฤติกรรม และพัฒนาการ การรับมืออย่างเข้าใจจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพ่อแม่ทุกบ้าน บทความนี้จะพาคุณพ่อคุณแม่ไปเรียนรู้การรับมือเรื่องลูกติดจอ เพื่อให้เด็กเติบโตได้อย่างมีคุณภาพในยุคดิจิทัล

เด็กควรใช้มือถือเมื่อไร

เด็กอายุ 0-2 ปี : หลีกเลี่ยงการใช้หน้าจอโดยเด็ดขาด ยกเว้นการวิดีโอคอลคุยกับคนในครอบครัว เพราะเด็ดกยังไม่ได้มีพัฒนาการทางด้านประสาทที่จะเข้าใจหรือเรียนรู้จากสื่อดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ

เด็กอายุ 3-5 ปี : จำกัดเวลาหน้าจอไม่เกิน 1 ชั่วโมงต่อวัน โดยควรเป็นเนื้อหาคุณภาพ และดูร่วมกับพ่อแม่ เพื่อกระตุ้นการพูดคุย สื่อสาร และส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ร่วม

เด็กอายุ 6 ปีขึ้นไป : พ่อแม่สามารถกำหนดเวลาใช้หน้าจอร่วมกับลูกได้ โดยเน้นให้สมดุลกับกิจวัตรอื่น ได้แก่ การนอน การออกกำลังกาย การอ่านหนังสือ และการเล่นที่ไม่มีหน้าจอ

สัญญาณลูกติดจอที่ควรสังเกต

พฤติกรรมติดจอในเด็ก อาจไม่ใช่แค่การใช้เวลาเล่นโทรศัพท์นานๆ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงเมื่อไม่ได้เล่นโทรศัพท์ หรือแสดงอาการที่แปลกไปจนกระทบชีวิตประจำวัน สำหรับสัญญาณเตือนว่าลูกอาจกำลังติดจอ มีดังนี้

– มีพฤติกรรมหงุดหงิด โมโหรุนแรง เมื่อไม่ได้เล่นมือถือ

– ไม่สนใจสิ่งรอบตัว ขาดสมาธิ ขี้ลืม รอไม่ได้

– ใช้มือถือเป็นเวลานานกว่าที่กำหนดอย่างต่อเนื่อง

– ถามหามือถือตลอดเวลา โวยวายเมื่อถูกห้ามเล่น

– ขาดความสนใจในการเล่นกับเพื่อน หรือการพูดคุยกับครอบครัว มีการแยกตัวจากสังคม

– แสดงพฤติกรรมเลียนแบบที่อาจไม่เหมาะสมจากสื่อออนไลน์

– มีปัญหาในการนอน เช่น หลับยาก หลับไม่สนิท ตื่นกลางดึก

– ผลการเรียนลดลง เนื่องจากใช้เวลาอยู่หน้าจอมากเกินไป

ผลกระทบจากการที่ลูกติดจอ

การใช้หน้าจอมากเกินความเหมาะสม ส่งผลกระทบในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพกาย สุขภาพจิต รวมถึงพฤติกรรมและพัฒนาการของเด็ก ดังนี้

ด้านร่างกาย

– สายตาเสียจากการจ้องจอเป็นเวลานาน โดยเฉพาะแสงสีฟ้าที่ส่งผลให้ตาแห้ง หรือเกิดอาการตาล้า

– ส่งผลต่อระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ จากการนั่งนาน ในท่าเดิม โดยเฉพาะคอ บ่า ไหล่

– ปัญหาน้ำหนักตัวเกิน หรือโรคอ้วน เด็กที่ติดจอมักไม่ออกกำลังกาย เล่นไม่พอ

– การนอนหลับไม่เพียงพอ เนื่องจากใช้หน้าจอจนดึก หรือมีแสงจากหน้าจอรบกวนวงจรการนอน

ด้านจิตใจและอารมณ์

– หงุดหงิดง่าย เพราะถูกกระตุ้นเร้าอารมณ์อย่างรวดเร็วจากเกมหรือคลิปวิดีโอ เมื่อกลับสู่โลกจริงที่ช้ากว่า อาจทำให้เบื่อหรือหงุดหงิด

– ขาดทักษะการควบคุมอารมณ์ และการรอคอย เพราะคุ้นเคยกับการได้รับสิ่งต่างๆ ทันทีจากหน้าจอ

– มีความเครียด ซึมเศร้า จากการเปรียบเทียบตัวเองกับบุคคลในโลกออนไลน์ หรือรับข้อมูลความรุนแรงโดยตรง

ด้านพัฒนาการสังคม

– ขาดทักษะการเข้าสังคม การใช้ภาษาท่าทาง หรือการสื่อสารแบบเผชิญหน้า เนื่องจากใช้เวลาหน้าจอมากกว่าการเล่นกับเพื่อน

– ไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์เชิงบวก กับคนรอบตัวอย่างมีคุณภาพ

– มีแนวโน้มแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว หรือลอกเลียนพฤติกรรมรุนแรงจากสื่อ

ด้านสติปัญญาและการเรียนรู้

– มีโอกาสเป็นโรคสมาธิสั้น เนื่องจากการปรับเปลี่ยนภาพเร็วๆ ในสื่อดิจิทัล ทำให้สมองชินกับการตอบสนองแบบฉับพลัน ส่งผลให้เด็กเบื่อง่าย ไม่สามารถจดจ่อกับเรื่องทีละอย่างได้นาน

– พัฒนาทางภาษาช้า หากไม่มีผู้ใหญ่นั่งดูหรืออธิบายด้วย อาจทำให้ขาดโอกาสในการเรียนรู้ศัพท์ใหม่ พูดโต้ตอบ หรือซักถาม

– การเรียนอ่อนลง เนื่องจากนอนน้อย ไม่มีสมาธิ และใช้เวลาทำกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวกับการเรียนมากเกินไป

เทคนิคดูแลลูก รับมือการเป็นเด็กติดจอ

การช่วยให้ลูกลดการติดจอ ไม่ใช่การห้ามทั้งหมดทันที แต่คือ การค่อยๆ ปรับพฤติกรรม สร้างสภาพแวดล้อมที่ดี และใช้เวลากับลูกอย่างมีคุณภาพ ซึ่งเทคนิคที่สำคัญมีดังนี้

– เป็นแบบอย่างที่ดี

: พ่อแม่ต้องเป็นตัวอย่างในการใช้สื่อที่เหมาะสม พยายามไม่เล่นมือถือให้ลูกเห็น หรือหลีกเลี่ยงการใช้มือถือขณะกินข้าวหรือคุยกับลูก

– สร้างตารางกิจวัตรประจำวัน

: กำหนดเวลาการใช้หน้าจอให้ชัดเจนในแต่ละวัน เช่น หลังการบ้านเสร็จ 30 นาทีเท่านั้น และควรมีรูปแบบตารางกิจกรรมรายวัน รวมถึงเวลาเล่น เวลาอ่านหนังสือ ออกกำลังกาย เข้านอน

– กำหนดโซนปลอดจอภายในบ้าน

: เช่น ห้องนอน โต๊ะอาหาร บริเวณห้องนั่งเล่น รวมถึงในเวลาที่อยู่ด้วยกันควรทำกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวกับจอร่วมกับลูก

– ใช้เทคนิคเล่นแทนจอ

: หากลูกต้องการความบันเทิง ลองชวนทำกิจกรรมอื่นแทน เช่น เล่นบอร์ดเกม งานประดิษฐ์ ต่อเลโก้ สร้างนิทาน เล่านิทาน อ่านหนังสือ หรือทำอาหารร่วมกัน

– ให้ทางเลือกที่เหมาะสม

: ไม่ควรห้ามลูกใช้มือถืออย่างเด็ดขาด จนเด็กรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ต้องแอบทำ แต่ควรเสนอสื่อหรือแอปพลิเคชันเชิงสร้างสรรค์ เช่น วิดีโอความรู้ง่ายๆ จากแหล่งที่น่าเชื่อถือ และดูร่วมกับพ่อแม่เพื่อการแลกเปลี่ยนการเรียนรู้

– เปิดใจคุยกับลูก

: อย่าใช้วิธีสั่งอย่างเดียว ให้โอกาสลูกแสดงความคิดเห็น ฟังว่าเด็กชอบอะไร ทำไมถึงเล่นบ่อย แล้วชวนคิดว่าเราจะตั้งกติกาใหม่ร่วมกันอย่างไรให้ทั้งสองฝ่ายพอใจ

– ใช้เทคโนโลยีอย่างปลอดภัย

: พ่อแม่ควรตั้งค่าควบคุมการเข้าถึงเว็บหรือเนื้อหา โดยใช้เครื่องมือ Parental Control และควรตรวจสอบประวัติการใช้งานอย่างสม่ำเสมอ พร้อมกับสอนลูกเรื่องความปลอดภัยบนโลกออนไลน์

สรุปเรื่องเด็กติดจอ

การเติบโตของเด็กในยุคดิจิทัลไม่อาจหลีกเลี่ยงการเข้าถึงหน้าจอ แต่พ่อแม่สามารถเป็นคู่คิดที่ดูแลให้เด็กใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุด จุดเริ่มต้นอยู่ที่การฟังลูกให้มากขึ้น ใช้เวลากับลูกให้มากพอ และการสร้างบรรยากาศที่ส่งเสริมการเรียนรู้จากโลกจริงควบคู่กับโลกออนไลน์

คุณพ่อคุณแม่คนไหนที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเลี้ยงดูลูกน้อย อาการเจ็บป่วย พัฒนาการ หรือจิตวิทยาเด็ก สามารถโหลดแอปฯ หมอคู่คิดส์ เพื่อปรึกษาแพทย์ พยาบาล จิตแพทย์ หรือนักจิตวิทยาได้ทันที ใช้งานง่าย คุยได้ตลอด ผ่านระบบแชทและวิดีโอคอล ดาวน์โหลดและปรึกษาเลยวันนี้!

หรือปรึกษาหมอเด็กออนไลน์ผ่าน LINE Health

อ่านบทความความแม่และเด็กเพิ่มเติม

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก หมอคู่คิดส์

RSV ไวรัสตัวร้าย ภัยอันตรายของลูกน้อย | หมอคู่คิดส์ แพลตฟอร์มหมอเด็กออนไลน์

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เมื่อลูกเป็นเด็กช่างสงสัย พ่อแม่ควรทำอย่างไรดี | หมอคู่คิดส์ แพลตฟอร์มหมอเด็กออนไลน์

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความสุขภาพอื่น ๆ

อยากฉลาดขึ้นต้องทำ 3 นิสัยง่าย ๆ ที่ศาสตราจารย์ Columbia แนะนำ

BT Beartai

ไปนอนซะ แล้วปัญหาจะคลี่คลาย ไม่เกินจริงการศึกษาชี้

TNN ช่อง16

RSV ไวรัสตัวร้าย ภัยอันตรายของลูกน้อย | หมอคู่คิดส์ แพลตฟอร์มหมอเด็กออนไลน์

หมอคู่คิดส์

เมื่อลูกเป็นเด็กช่างสงสัย พ่อแม่ควรทำอย่างไรดี | หมอคู่คิดส์ แพลตฟอร์มหมอเด็กออนไลน์

หมอคู่คิดส์

สกสว. ยกเป็นวาระแห่งชาติ คนไทย หายใจด้วยอากาศบริสุทธิ์ภายในปีนี้

กรุงเทพธุรกิจ

How to รับมือ ในวันที่ลูกถูกบูลลี่ | หมอคู่คิดส์ แพลตฟอร์มหมอเด็กออนไลน์

หมอคู่คิดส์

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...