ทุกบทสนทนาเริ่มที่กล้าทัก! ‘FU ME PASSPORT’ ไอเท็มไม่ลับ สลัดความเกร็งในงาน FU ME FEST 2
ผ่านไปสดๆ ร้อนๆ กับ FU ME FEST 2 มหกรรมแห่งความสุข ที่พี่น้องอินฟลูเอนเซอร์ คอนเทนต์ครีเอเตอร์ และเหล่าแฟนคลับได้พบปะ เติมกำลังใจ สร้างความทรงจำในไดอารี่เล่มใหญ่ไปพร้อมกันปีก่อนว่าจัดเต็มแล้ว ปีนี้ทุกฝ่ายจัดเต็มกว่าเดิม อะไรที่เคยพลาดก็ปรับแก้ ตรงไหนที่คราวก่อนเห็นว่ามีโอกาสต่อยอด ครั้งนี้ก็ไม่ลืมที่จะยกระดับให้ดีกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางรายละเอียดนับพัน และบรรดากิจกรรมอันมากมายนับไม่ถ้วน หนึ่งสิ่งที่ทีมผู้จัดของFU ME FEST ยังคงเก็บรักษาไว้ คือไอเท็มเล่มไม่ใหญ่ อุปกรณ์คู่ใจซึ่งช่วยเชื่อมหลากหลายความสัมพันธ์บนพื้นที่ 15,000 ตารางเมตรของยูเนียนมอลล์…
มันคือสมุดที่หากไม่มี สิ่งดีๆ จากบทสนทนาอาจไม่งอกเงย
และใช่ มันคือสมุดเล่มเล็กที่เรียกว่า ‘FU ME PASSPORT’
ตั้งแต่ปีแรก FU ME FEST คือ พื้นที่ที่เปิดโอกาสให้อินฟลูฯ ได้มาพบเจอกันแบบไม่มีสื่อออนไลน์กั้นกลางซึ่งก่อนหน้าอาจทำได้เพียงสื่อสารกับคนดูผ่านหน้าจอโทรศัพท์ โดย ผู้ชมก็มีเหล่าครีเอเตอร์เป็นเพื่อนยามเหงา ทั้งกินข้าวหรือก่อนนอน พูดง่ายๆ คือทั้งสองฝ่ายได้มาพบหน้ากันในโลกแห่งความเป็นจริง เจอกันตัวเป็นๆ เห็นหน้าด้วยตาเนื้อ ทั้งยังจับมือให้กำลังใจได้อย่างใกล้ชิด…
นั่นคือภาพที่ทุกฝ่ายอยากให้เป็น ทว่า ในความเป็นจริง เมื่อเราได้เจอใครสักคนเป็นครั้งแรก ย่อมเป็นธรรมดาที่เราจะตื่นเต้น เป็นกังวล หรือกระทั่งทำตัวไม่ถูก หลายครั้งเราอยากเข้าไปพูดคุยกับเขา หรือเธอคนนั้น แต่สุดท้ายก็ตัดใจ เก็บความอยากไว้เพราะเขิน อาย และประหม่า จุดนี้เองที่ FU ME PASSPORT เข้ามาเติมเต็ม
“เดิมทีเราแค่คิดว่า อยากให้ผู้ที่มาร่วมงานมีของที่ระลึกกลับบ้าน แล้วด้วยความที่เรามีโอกาสเดินทางบ่อย ก็เลยได้เห็นว่า หลายสถานที่ในต่างประเทศจะมีจุดประทับตราพาสปอร์ต เหมือนเป็นกิมมิคให้นักท่องเที่ยวเช็กอินว่า ฉันมาถึงสถานที่นี้แล้วนะ เราอยากให้งาน FU ME มีอะไรแบบนี้เหมือนกัน ก็เลยลองบอกพี่เติ๊ด”
พิธีกรรายการ คำต้องเชื่อม ประจำช่อง ยกกำลังอย่าง ทอม-จักรกฤต โยมพยอม คือเจ้าของไอเดีย FU ME PASSPORT นอกจากรับบทอินฟลูเอนเซอร์ขาประจำของช่อง เทพลีลา แล้ว เขายังคอยเสนอวิธีการที่อาจเป็นประโยชน์ต่อการทำรายการ และในวันที่กลุ่มก้อนคอนเทนต์ครีเตอร์ตัดสินใจทำ FU ME FEST
ทอมก็เชื่อว่าไอเท็มที่ดูเหมือนเป็นสมุดธรรมดา น่าจะช่วยให้หลายคน มี ‘เหตุผล’ ในการเริ่มทำความรู้จัก
“ทีแรกพี่เติ๊ดก็กังวลว่าจะเวิร์กมั้ย กลัวทำไปแล้วไม่คุ้ม ไม่แน่ใจว่าคนที่มาจะสนุกกับกิจกรรมนี้หรือของที่ระลึกชิ้นนี้จริงหรือเปล่า แต่เราก็ยืนกรานว่า คนน่าจะชอบ”
ความอบอุ่นในงาน FU ME FEST ทั้งสองครั้ง พิสูจน์แล้วว่า สิ่งที่ทอมคิดนั้นถูกต้อง ไม่เพียงผู้ที่ไปเยี่ยมชมเท่านั้นที่ชื่นชอบฟังก์ชันของพาสปอร์ต เพราะฝั่งอินฟลูเอนเซอร์เอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่องที่ไม่เคยจัดงานแฟนมีตมาก่อน เมื่อมีอุปกรณ์คอยเชื่อมสายสัมพันธ์ การพบปะกันของพวกเขาและแฟนคลับ ก็ราบรื่นและน่าประทับใจยิ่งขึ้น
เราอาจเคยเห็นอินฟลูฯ หลายคนพูดเก่ง ไม่เขินกล้อง คุยได้น้ำไหลไฟดับในรายการ แต่ในชีวิตจริง หลายคนก็ไม่ได้ขี้เล่น หรือ ช่างคุย มิหนำซ้ำยังขี้เขินไม่ต่างจากเราทุกคน การมีอะไรบางอย่างเป็น ‘ข้ออ้าง’ ในการเริ่มบทสนทนาจึงสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง
“ช่วยเซ็นให้หน่อยได้มั้ยคะ”
ใครจะรู้ เพียงประโยคสั้นๆ ที่มาพร้อมสมุดเล่มเล็กๆ อาจช่วยให้หลายคนได้พบกับบทสนทนาที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิต มันอาจสร้างรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และแววตาแห่งความสุข ที่สำคัญ มันอาจช่วยเติมเชื้อไฟในการทำงานของทั้งสองฝ่ายไปได้อีกหลายสิบปี ทว่าทั้งหมดนี้คงเกิดขึ้นได้ยาก หรือที่แน่ๆ ยากกว่านี้ หากไม่มีเครื่องมือสะสมลายเซ็นขนาดกะทัดรัดที่ชื่อ FU ME PASSPORT
“สุดท้ายมันไปไกลกว่าของที่ระลึก เราได้อ่านฟีดแบ็กตามทวิตเตอร์ (เอ็กซ์) หลังจบงาน หลายคนชอบพาสปอร์ตมาก เขาบอกว่า มันช่วยให้เขากล้าเข้าไปคุยกับอินฟลูฯ ถ้าไม่มีพาสปอร์ตติดมือไป เขาจะเขิน ไม่รู้จะคุยอะไร แต่พอมีสมุด อย่างน้อยก็เข้าไปขอลายเซ็น มันก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ช่วยให้กล้าพูด กล้าคุยมากขึ้น”
เจ้าของไอเดียอย่างทอมเองก็ไม่คาดคิดว่า หน้าที่ของสมุดเล่มเล็กๆ จะยิ่งใหญ่และพาทุกคนในงานไปได้ไกลขนาดนั้น นอกจากนี้ ในปีที่ 2 FU ME PASSPORT ยังเอื้อให้บูทของเหล่าสปอนเซอร์ทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น เมื่อบูทต้องการแจกของที่ระลึก แต่กังวลว่า ผู้ที่มาร่วมงานจะเข้ามารับของซ้ำหรือไม่ วิธีการง่ายๆ จึงลงเอยที่การประทับตราลงบนพาสปอร์ตเป็นสัญลักษณ์ว่า คนคนนี้เคยมาที่บูทแล้ว
ทั้งหมดทั้งมวล สมุดเล่มนี้จึงตอบโจทย์ทุกฝ่าย ทั้งผู้ที่มาร่วมงาน บรรดาอินฟลูฯ รวมถึงบูทของสปอนเซอร์
หลายคนอาจไม่ทราบว่า FU ME FEST 2 และ คอนเสิร์ตฟอร์มวงที่เพิ่งจบลงไป จะเป็นครั้งสุดท้ายของมหกรรมที่ยิ่งใหญ่ระดับนี้ คอมมูนิตี้นี้จะยังคงอยู่
ทว่าการรวมตัวที่ไม่ต่างจากปรากฏการณ์คงไม่มีอีกแล้ว อย่างไรเสีย ทุกสิ่งทุกอย่างที่ถูกจดบันทึกอย่างน่าประทับใจในพาสปอร์ต หลายร้อยถ้อยคำที่ตราตรึง รวมถึงความรู้สึกอันท่วมท้นที่ตลบอบอวลภายในงานจะคงอยู่ตลอดกาล อย่างน้อยก็ในความทรงจำของผู้เข้าร่วม และแน่นอนที่สุด ในสมุด FU ME PASSPORT เล่มเล็กๆ เล่มนั้น…
อ้างอิง