ไทม์ไลน์ทหารไทยเหยียบกับระเบิด ความขัดแย้งชายแดนไทย–กัมพูชา 2568
จุดเริ่มต้นที่สามเหลี่ยมมรกต
ความขัดแย้งชายแดนปีนี้ปะทุขึ้นตั้งแต่ 28 พฤษภาคม 2568 เมื่อทหารกัมพูชาเสียชีวิตจากเหตุปะทะเล็ก ๆ ที่สามเหลี่ยมมรกต แม้จะดูเหมือนเรื่องเฉพาะจุด แต่กลับกลายเป็นชนวนให้ทั้งสองฝ่ายเร่งเสริมกำลัง กัมพูชาสร้างถนนและป้อมใหม่ ส่วนไทยก็ตอบโต้ด้วยการสร้างแนวป้องกันใกล้ปราสาทตาเมือนธม ความตึงเครียดจึงเริ่มสะสม
ระเบิด PMN-2 เปลี่ยนเกม
กลางเดือนกรกฎาคมคือจุดเปลี่ยน เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ทหารไทย 3 นายเหยียบกับระเบิด PMN-2 บริเวณช่องบก อุบลราชธานี หนึ่งนายสูญเสียขา นับเป็นครั้งแรกที่มีหลักฐานว่ากัมพูชานำทุ่นระเบิดกลับมาใช้ ทั้งที่เป็นภาคีอนุสัญญาออตตาวา
เพียงสัปดาห์ถัดมา 23 กรกฎาคม ทหารไทยอีก 5 นายบาดเจ็บ หนึ่งนายขาขาดอีกครั้ง เหตุการณ์นี้ทำให้ไทยตัดสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ
ศึกใหญ่ 24–27 กรกฎาคม
ไฟสงครามปะทุเต็มรูปแบบ ไทยและกัมพูชาเปิดฉากโจมตีกันรอบปราสาทตาเมือนธมและช่องอานม้า กัมพูชายิงจรวด BM-21 เข้าเขตไทย ขณะที่กองทัพอากาศไทยส่ง F-16 โต้กลับ
ผลคือการสูญเสียอย่างหนัก
- ฝั่งไทย เสียชีวิต 16 นาย พลเรือนอีก 14 ราย
- ฝั่งกัมพูชา เสียชีวิต 13 นาย พลเรือนอีก 13 ราย
- ผู้อพยพรวมกว่า 290,000 คน
การโจมตีโรงพยาบาลและพื้นที่พลเรือนของกัมพูชากลายเป็นประเด็นร้อนในเวทีโลก
หยุดยิงที่ไม่เคยมั่นคง
แรงกดดันจากสหรัฐฯ ที่ขู่เก็บภาษีนำเข้า 36% และการไกล่เกลี่ยของอาเซียน ทำให้ทั้งสองฝ่ายตกลงหยุดยิงที่มาเลเซียในวันที่ 28 กรกฎาคม แต่ในพื้นที่จริง เสียงระเบิดยังดังต่อเนื่อง
- 9 สิงหาคม ทหารไทย 3 นายบาดเจ็บจากกับระเบิดที่กันทรลักษ์
- 10 สิงหาคม อีก 1 นายบาดเจ็บใกล้ปราสาทตาเมือน
- 12 สิงหาคม สูญเสียข้อเท้าอีก 1 นาย
- 22 สิงหาคม ทหารไทยพบการขว้างทุ่น PMN-2 ข้ามรั้วจากฝั่งกัมพูชา
- 27 สิงหาคม พลทหารอดิศร ป้อมกลาง เหยียบกับระเบิด สูญเสียขาขวาท่อนล่าง ขณะเดียวกันทหารอีก 3 นายบาดเจ็บ
การโต้กันด้วยหลักฐานและการทูต
ไทยยืนยันมีหลักฐานชัดว่ากัมพูชาวางระเบิดใหม่ ทั้งคลิปเสียง ภาพจากโซเชียล และการยึดทุ่นกว่า 3,700 ลูกในพื้นที่ภูมะเขือ แต่กัมพูชายืนกรานปฏิเสธ ยืนยันปฏิบัติตามอนุสัญญาออตตาวาเต็มรูปแบบ
ไทยจึงเลือกเดินหน้าในเวทีโลก
- 22 สิงหาคม ส่งหนังสือถึงเลขาธิการสหประชาชาติ
- 27 สิงหาคม รัฐมนตรีต่างประเทศไทยพบผู้แทน 14 ประเทศที่เจนีวา
- 28 สิงหาคม เอกอัครราชทูตไทยเข้าพบเลขาธิการยูเอ็น พร้อมหลักฐานล่าสุด และมีการประชุม RBC พิเศษที่ศรีสะเกษ เพื่อย้ำเจตนารักษาสันติภาพ
วิเคราะห์ความหมายเชิงลึก
1. ด้านความมั่นคง – ทุ่นระเบิด PMN-2 คือสัญลักษณ์ของการสู้รบแบบไม่เลือกหน้า สร้างความหวาดกลัวทั้งต่อทหารและชาวบ้านชายแดน
2. ด้านกฎหมาย – การที่กัมพูชาเป็นภาคีอนุสัญญาออตตาวา แต่กลับถูกกล่าวหาละเมิด แสดงให้เห็นข้อจำกัดของกฎหมายระหว่างประเทศที่ขาดกลไกบังคับจริงจัง
3. ด้านการเมืองระหว่างประเทศ – บทบาทของสหรัฐฯ สะท้อนว่าพลังเศรษฐกิจสามารถหยุดสงครามได้เร็วกว่าคำพูดสวยหรูของอาเซียน
4. ด้านมนุษยธรรม – การโจมตีโรงพยาบาลและใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์ อาจถูกจัดเข้าข่ายอาชญากรรมสงครามในอนาคต
5. ด้านประวัติศาสตร์ – รากของปัญหายังโยงกับสนธิสัญญายุคล่าอาณานิคม หากไม่แก้ที่ต้นตอ ความขัดแย้งย่อมวนกลับมาอีกครั้ง
สามเดือนที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นว่า ความขัดแย้งไทย–กัมพูชาไม่ใช่เรื่องเล็ก ทหารไทยบาดเจ็บ 16 นาย สูญเสียขาถาวร 5 นาย ขณะที่การสู้รบช่วงสั้น ๆ ทำให้มีผู้เสียชีวิตเกิน 50 ราย และผู้อพยพนับแสน แม้จะมีคำว่าหยุดยิง แต่ความไม่ไว้วางใจยังคงอยู่เต็มพื้นที่
คำถามคือ ทั้งสองประเทศจะกล้ายอมเผชิญปัญหาที่รากเหง้าผ่านศาลโลกหรือการเจรจาระดับสูงหรือไม่ หรือสุดท้าย วงจร “กับระเบิด–การปะทะ–หยุดยิง” จะกลับมาอีกครั้งในอนาคตอันใกล้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง