สวทช.จัดใหญ่ ‘TAIST-Science Tokyo’ โชว์ผลงานพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับมหาวิทยาลัยพันธมิตร จัดงานประชุมวิชาการ TAIST-Science Tokyo: วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการพัฒนากำลังคนเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน เพื่อรายงานความก้าวหน้าโครงการในการพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ และประกาศขยายความร่วมมือ โดยมีศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดอว. เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วยดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผอ.สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผอ.สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และดร.พัชร์ลิตา ฉัตรวริศพงศ์ ผู้ช่วยผอ.สวทช. ที่โรงแรมพูลแมน คิงพาวเวอร์ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา
ศ.ดร.ศุภชัย กล่าวว่า โครงการ TAIST-Science Tokyo เป็นโครงการที่สะท้อนนโยบายของอว. ด้านของการพัฒนากำลังคนคุณภาพสูงให้สอดคล้องประเทศกับความต้องการของประเทศในยุคที่เทคโนโลยีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยดำเนินงานภายใต้แฟลตฟอร์มที่เรียกว่า “Manpower and Knowledge Development” ด้วยการพัฒนาระบบ National Brain Power Ecosystem สนับสนุนการผลิตบุคลากรคุณภาพระดับวิจัยและนวัตกรรม ทั้งที่เป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมไปถึงเน้นการพัฒนากำลังคนที่มีทักษะสูงสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย อุตสาหกรรม S-Curve และส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต หรือ Lifelong Learning เพื่อรองรับการ Reskilling และ Upskilling นอกจากนี้ ในปี 2568 นี้ ได้มีการเปิดหลักสูตรใหม่ “Biomedical Engineering And AI” เพื่อรองรับอุตสาหกรรมสุขภาพและเทคโนโลยีสมัยใหม่ และยังได้จับมือพันธมิตรใหม่ คือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เข้าร่วมในหลักสูตรวิศวกรรมยานยนต์และระบบรางขั้นสูง (A2TE) ทำให้มีเครือข่ายที่แข็งแกร่งและสามารถพัฒนากำลังคนที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้าน ดร.วิภารัตน์ กล่าวว่า โครงการ TAIST-Science Tokyo เป็นโครงการที่วช.สนับสนุนทุนวิจัยและทุนพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เพื่อให้เกิดบุคลากรที่มีคุณภาพสูง ซึ่งโครงการนี้เป็นการบูรณาการทรัพยากรและความเชี่ยวชาญหลายภาคส่วน ทั้งในด้านความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ และทักษะที่สอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมและสังคมในอนาคต จนเป็นผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม โดยสามารถผลิตบัณฑิตคุณภาพกว่า 600 คน ที่กระจายกำลังไปในภาคอุตสาหกรรม ภาครัฐ และสถาบันการศึกษาชั้นนำ รวมถึงการต่อยอดสู่การศึกษาระดับปริญญาเอกทั้งในและต่างประเทศ
ขณะที่ศ.ดร.ชูกิจ กล่าวว่า โครงการ TAIST-Science Tokyo เป็นตัวอย่างความสำเร็จของความร่วมมือระหว่างหน่วยงานวิจัย สถาบันการศึกษา และพันธมิตรต่างประเทศ โดยเฉพาะ Institute of Science Tokyo ที่ร่วมกันพัฒนาหลักสูตรระดับนานาชาติ สร้างบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ ตอบโจทย์ความต้องการของภาคอุตสาหกรรมและการพัฒนาประเทศ สำหรับความพิเศษ คือ ในปี 2568 มีการเปิดหลักสูตรใหม่ และการขยายพันธมิตรใหม่ เพื่อรองรับความท้าทายด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นับเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนากำลังของประเทศ
รศ.ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ ผอ.ศูนย์เครือข่ายวิจัยประยุกต์ทางเทคโนโลยีหุ่นยนต์และชีวการแพทย์ (BART LAB) คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.มหิดล (ระหว่างปี 2558-2566) กล่าวว่า สำหรับหลักสูตร Biomedical and AI เป็นความร่วมมือระหว่าง ม.มหิดล สวทช. ม.เกษตรศาสตร์ (KU) สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร (SIIT) ม.ธรรมศาสตร์ และ Tokyo Medical and Dental University (TMDU) ประเทศญี่ปุ่น โดยมุ่งบูรณาการความรู้ด้านวิศวกรรมชีวการแพทย์ ปัญญาประดิษฐ์ และเทคโนโลยีหุ่นยนต์ ทั้งนี้ม.มหิดลซึ่งมีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์ และริเริ่มเปิดหลักสูตร Biomedical Engineering ตั้งแต่ปี 2541 นับเป็นแห่งแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และต่อยอดสู่การสร้างเครือข่ายนักวิจัยและบัณฑิตที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการบุคลากรด้านการแพทย์ เทคโนโลยี และสาธารณสุขในอนาคต