ปัจจัยลบเพียบ ‘โฮมโปร’ คาดปีนี้ทรงตัว เดินหน้าปรับรอรับกำลังซื้อฟื้น
"โฮมโปร" เผยปัจจัยลบทั้งใน-ต่างประเทศ กระทบเศรษฐกิจ กำลังซื้อ ส่งผลรายได้พลาดเป้า แต่ยังเดินหน้าเปิดสาขา ปรับกลยุทธ์รอกำลังซื้อฟื้น คาดปีนี้ประคองตัว
นายรักพงศ์ อรุณวัฒนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มนักลงทุนสัมพันธ์ กลยุทธ์และความยั่งยืนองค์กร บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ โฮมโปร เปิดเผยว่า จากปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ อาทิ ภาษีสหรัฐ แผ่นดินไหว สภาพอากาศที่ไม่เอื้อ เช่น ฝนตกเร็ว ทำให้กระทบยอดขายกลุ่มเครื่องปรับอากาศ ส่งผลให้ยอดขายสาขาเดิมติดลบเล็กน้อย และคาดว่าจะส่งผลให้ตลอดปีนี้จะมียอดขายทรงตัว
ทั้งนี้ ยอมรับว่าปีนี้เป็นปีที่เหนื่อย ซึ่งเป็นเหมือนกันทุกบริษัท อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเดินหน้าขยายสาขาใหม่ และปรับกลยุทธ์ธุรกิจอย่างต่อเนื่องในภาวะเศรษฐกิจไม่ดี เนื่องจากเชื่อว่า เมื่อเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว จะทำให้บริษัทมีความพร้อมในการรองรับกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น เพราะการดำเนินธุรกิจเป็นการรองรับในระยะยาว
สำหรับปัจจัยที่เป็นตัวกระตุ้นตลาด จะมาจากมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ แต่อาจจะยังไม่เห็นผลในระยะสั้น ดังนั้น บริษัทจึงลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับกำลังซื้อในอนาคต เช่น การลงทุนคลังสินค้าเพื่อรองรับทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ โดยเฉพาะธุรกิจอีคอมเมิร์ซของบริษัทที่เติบโตต่อเนื่อง
นายรักพงศ์ กล่าวว่า ปัจจุบันโฮมโปรขยายช่องทางออนไลน์ในทุกแพลตฟอร์ม รวมทั้งช่องทางออนไลน์เปิดมาร์เก็ตเพลสของโฮมโปรเอง ส่งผลให้สัดส่วนการขายผ่านออนไลน์เพิ่มขึ้นเป็น 8% จากยอดขายทั้งหมด หรือเทียบเท่ายอดขายสาขา 10 สาขา เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิดอยู่ที่ไม่ถึง 1%
นอกจากนี้ ยังได้เปิดตัวสาขารูปแบบใหม่โมเดลไฮบริด โดยเป็นสาขาที่มีทั้งแบรนด์โฮมโปรและเมกาโฮมอยู่ในสาขาเดียวกัน เพื่อตอบโจทย์ทั้งงานช่างและสินค้าที่รองรับกลุ่มลูกค้าทั่วไป โดยภาพรวมปี 2568 นี้ บริษัทตั้งเป้าเปิดสาขาเพิ่มรวม 11 สาขา เป็นสาขาไฮบริด 7 สาขา
ขณะเดียวกัน กลุ่มสินค้ารักษ์โลก หรือ Circular Products ยังเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่จะช่วยผลักดันยอดขาย เนื่องจากมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทได้เปิดโครงการ แลกเก่าเพื่อโลกใหม่ ที่ขยายขอบเขตของกลุ่มสินค้าไปมากกว่า 8,000 รายการ ให้ลูกค้านำสินค้าเก่ามาแลกเพื่อใช้เป็นส่วนลด และบริษัทจะนำสินค้าเหล่านั้นเข้าไปสู่กระบวนการรีไซเคิลเป็นสินค้าใหม่ และมาจำหน่ายต่อ
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีการนำสินค้าเก่ามาแลกแล้วกว่า 3 แสนชิ้น ส่วนมากคิดเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า 80% และตั้งเป้าว่ากลุ่มสินค้ารักษ์โลกจะเพิ่มสัดส่วนเป็น 20% ในปี 2573
ความยั่งยืนไม่ใช่กิจกรรมเสริม แต่เป็นกลยุทธ์หลักในการดำเนินธุรกิจสินค้าและบริการเรื่องบ้านแบบครบวงจร โดยพฤติกรรมผู้บริโภคไทยกำลังเปลี่ยนจาก รับรู้ สู่ เลือกซื้ออย่างมีจิตสำนึก มากขึ้น
พร้อมกันนี้ โฮมโปรได้วางเป้าหมายด้านความยั่งยืนที่จะบรรลุ Net Zero ภายในปี 2593 และขับเคลื่อน Lifetime Eco-System เพื่อส่งมอบคุณค่าแห่งการอยู่อาศัยที่ยั่งยืนตลอดช่วงอายุของการใช้งานสินค้าและบริการ เพื่อสร้างชีวิตความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้า หรือ Better Living ครอบคลุมตั้งแต่การเลือกซื้อสินค้า ออกแบบ ติดตั้ง ซ่อมแซม รีโนเวท ไปจนถึงบริการหลังการขาย
สำหรับผลประกอบการของบริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ในไตรมาส 2 ปี 2568 มีรายได้รวม 17,456.81 ล้านบาท ลดลง 5.82% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 1,398.55 ล้านบาท ลดลง 13.76% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ บริษัทชี้แจงว่า รายได้และกำไรที่ลดลงเป็นผลมาจากสภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบาง ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคโดยตรง ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น โดยยอดขายจากสาขาเดิมลดลงถึง 9% ยอดขายของเมกาโฮมลดลง 1.6% และโฮมโปรในมาเลเซียลดลงมากถึง 14%
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- 'KTC' ผนึกพลังพันธมิตร จัดเสวนา 'KTC FIT Talk 19' หนุนพลังงานสะอาด จากบ้านสู่โลก
- ‘โฮมโปร’ ถูกละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล เพียงข้อมูลพื้นฐาน-ไม่มีข้อมูลอ่อนไหวทางการเงิน
- ตลาดวัสดุก่อสร้างคึก รับอานิสงส์รัฐเร่งลงทุน คาดฟื้นตัวต่อเนื่อง
ติดตามเราได้ที่