ตำรวจจับกุมเจ้าของปล่อยสิงโตเลี้ยงหลุดออกนอกบ้าน ไล่ทำร้ายสามแม่ลูกบนถนน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจในปากีสถานจับกุมเจ้าของสิงโตเลี้ยง หลังจากได้ภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพของสิงโต ขณะปีนกำแพงคอนกรีตออกไปสู่ถนนและทำร้ายผู้หญิงกับลูก 2 คนของเธอที่กำลังเดินอยู่
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ในเมืองลาฮอร์ ประเทศปากีสถาน หญิงผู้เคราะห์ร้ายและลูกๆ วัย 5 และ 7 ขวบของเธอ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในท้องถิ่น รายงานข่าวระบุว่า อาการของเด็กทั้งสองยังทรงตัว หลังจากได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้าและแขน
รายงานข่าวจากทั้งซีเอ็นเอ็นและบีบีซีระบุว่า เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2568 ตำรวจเมืองลาฮอร์ได้โพสต์บนโซเชียลมีเดีย มีใจความว่า เจ้าของสิงโตเลี้ยง 3 คน ถูกจับกุมในวันศุกร์ที่ผ่านมา และโดนตั้งข้อกล่าวหาว่าเลี้ยงสัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมทั้งประมาทเลินเล่อจนทำให้สิงโตหลบหนีออกมาจนทำร้ายประชาชน
เจ้าหน้าที่ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนที่จะถูกจับกุม เจ้าของได้นำสิงโตขึ้นรถตู้และพยายามจะหลบหนีไปยังเขตใกล้เคียง
“เราจับสิงโตไว้แล้วและส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ดูแลสัตว์ป่า” มูฮัมหมัด ไฟซาล คัมราน รองผู้บัญชาการตำรวจเมืองลาฮอร์ กล่าว
พ่อของเด็กที่ได้รับบาดเจ็บอ้างว่า เจ้าของสิงโตไม่ยอมจับสัตว์เลี้ยงของตัวเองไว้ ปล่อยให้มันขย้ำเหยื่อทั้งสามคน
ภาพจากกล้องวงจรปิดที่ตำรวจเมืองลาฮอร์ได้รับและเผยแพร่ต่อสาธารณชนในเวลาต่อมา เผยให้เห็นภาพของสิงโตที่พุ่งเข้าใส่ผู้หญิงคนหนึ่ง จากนั้นก็วิ่งไล่ตามลูกๆ ของเธอ ขณะที่มีชายคนหนึ่งดูคล้ายกับจะวิ่งไล่ตามสิงโตตัวนั้น หลังจากที่มันกระโดดข้ามรั้วออกมาได้ไม่นาน
รายงานข่าวจากสำนักข่าวบีบีซีระบุว่า การเลี้ยงสิงโตเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งในปากีสถาน และยังเป็นเรื่องถูกกฎหมายอีกด้วย ทางการจะออกใบอนุญาตให้เลี้ยงสิงโต เสือจากัวร์ และเสือชนิดอื่นๆ ได้ หลังจากลงทะเบียนอย่างเป็นทางการและชำระค่าธรรมเนียมราว 176 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5,725 บาท) อย่างไรก็ตาม การเลี้ยงสัตว์เหล่านี้ไว้ภายในเขตตัวเมือง ถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายเมืองลาฮอร์
ส่วนรายงานข่าวของซีเอ็นเอ็นระบุว่า สื่อท้องถิ่นของเมืองลาฮอร์ชี้ว่า เจ้าของสิงโตตัวที่ก่อเรื่อง ไม่มีใบอนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ป่าได้ตามกฎหมาย และเขาจะต้องโดนดำเนินคดีเนื่องจากละเมิดพระราชบัญญัติว่าด้วยการเลี้ยงสัตว์ป่า ซึ่งอาจต้องรับโทษจำคุกสูงสุด 7 ปี หรือจ่ายค่าปรับสูงสุด 17,500 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 570,000 บาท)
ที่มา : people.com
เครดิตภาพ : YouTube / 10 News