‘สังฆาทิเสส 13’ มีอะไรบ้าง อาบัติหนักรองจาก ‘ปาราชิก’ โทษถึงขั้น ‘ถอดสมณศักดิ์’
ตามที่ที่ประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ได้ประชุมวาระพิเศษ เมื่อวันที่ 13 ก.ค. ได้เห็นชอบแนวทางดำเนินการกรณีพระภิกษุกระทำผิด และถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดพระธรรมวินัยประเภทครุกาบัติ ซึ่งเป็นโทษหนักตามพระธรรมวินัย นั้น มติดังกล่าวถือว่า มส. ใช้ยาแรงออกมาจัดการพระสงฆ์ที่ทำผิดพระธรรมวินัยครุกาบัติ (อาบัติหนัก) คือ ปาราชิก และสังฆาทิเสส โดยมติ มส. ดังกล่าว ระบุว่า ในส่วนของปาราชิก นั้นถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสละสมณเพศตามกฎหมายโดยทันที
ขณะที่อาบัติสังฆาทิเสส ที่ถือว่ามีความร้ายแรงรองลงมา หากผู้ต้องอาบัตินั้นดำรงตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการ หรือเป็นผู้ได้รับสมณศักดิ์ เมื่อความปรากฏ หรือกระบวนการนิคหกรรมพิสูจน์แล้วว่าต้องอาบัติดังกล่าว แม้จะยังคงสถานะภิกษุอยู่ ก็ถือว่าเสื่อมเสียอย่างร้ายแรง มส. จะดำเนินการปลดจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และ มส. จะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์ต่อไปด้วย
โดยมาตรการของ มส. ที่จะดำเนินการกับพระสังฆาธิการ พระสงฆ์สมณศักดิ์ ที่ต้องอาบัติสังฆาทิเสสนั้น ถือเป็นเรื่องใหม่ ยังไม่เคยมีการระบุโทษถึงขั้นขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์ มาก่อน สำหรับสังฆาทิเสสทั้ง 13 ข้อ ประกอบด้วย
1.จงใจทำน้ำอสุจิเคลื่อน
2.การถูกต้องกายมาตุคาม (ผู้หญิง)
3.การพูดเกี้ยวหญิง
4.พูดล่อหญิงให้บำเรอความใคร่ของตน
5.พูดชักสื่อให้ชายหญิงเป็นสามีภรรยากัน เป็นชู้รักกัน
6.สร้างกุฏิด้วยการขอ สร้างกุฏิส่วนตัวมีขนาดใหญ่เกินประมาณในที่สาธารณะ โดยไม่ให้สงฆ์กำหนดที่ให้
7.สร้างวิหารขนาดใหญ่เป็นของส่วนตัวในที่ของทายกโดยไม่ให้สงฆ์กำหนดที่ให้ก่อน
8.กล่าวหาภิกษุอื่นด้วยอาบัติปาราชิกโดยไม่มีมูลความจริง
9.พยายามหาเรื่องกล่าวหาภิกษุอื่นด้วยอาบัติปาราชิกโดยไม่มีมูลความจริง
10.การทำสงฆ์ให้แตกแยกกัน
11.ประพฤติตามและกล่าวสนับสนุนภิกษุผู้ทำสงฆ์ให้แตกกัน
12.เป็นคนว่ายากสอนยาก กล่าวตักเตือนไม่เชื่อฟัง
13.ประจบคฤหัสถ์