“บิ๊กเล็ก” รับนโยบายจาก “อนุทิน” เดินหน้าแก้ชายแดนใน 4 เดือน
วันนี้ (9 ก.ย.2568) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์หลังได้รับการยืนยันชัดเจนว่า ได้รับตำแหน่ง รมว.กลาโหม โดยก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า มีความลำบากใจในการทำงานด้านการทหาร ขณะที่ดำรงตำแหน่ง รมช.กลาโหม ว่า ขออนุญาตไม่พูดถึงเรื่องเก่า เนื่องจากในวันพรุ่งนี้ (10 ก.ย.) ไปประชุม ตนต้องเดินทางไปประชุม คณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ที่ประเทศกัมพูชา
วันนี้นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้เลขาฯ ติดต่อมาหาตน ให้เข้าไปพูดคุยกัน ตนจึงถือโอกาสดีที่จะได้เข้ามารับทราบนโยบาย เพื่อไปใช้ประกอบในการประชุมในวันพรุ่งนี้
พล.อ.ณัฐพล ยอมรับว่า หลังจากได้มีการพูดคุยก็มีความมั่นใจ หลังได้ทราบนโยบายที่ชัดเจน โดยหลักๆ เน้นย้ำเรื่องของอธิปไตย และการแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี และประชาชนปลอดภัย ก่อนที่ตนจะได้เสนอโรดแมปที่ได้ดำเนินการอยู่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็เห็นด้วย แต่ได้ทลายข้อจำกัด เพราะรัฐบาลมีเวลาจำกัด จึงต้องดำเนินการแก้ปัญหาประชาชนให้เร็วที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า โรดแมปที่ดำเนินการอยู่ จะดำเนินการต่อเพื่อพลิกสถานการณ์ให้ได้ภายใน 4 เดือนหรือไม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า ต้องทำให้เต็มขีดความสามารถ แต่เราไม่สามารถจะรับปากได้ว่าเมื่อไหร่ แต่เมื่อรับทราบนโยบายในวันนี้แล้ว ก็รับปากว่าจะทำให้เร็วที่สุด
ด้าน พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึงกรณีที่เขมร ได้กล่าวอ้างผ่านสื่อต่างประเทศว่า ฝ่ายไทยใช้อาวุธยิงสนับสนุนในการปฏิบัติการทางทหาร ทำให้ปราสาทพระวิหาร ได้รับความเสียหายในช่วงการสู้รบที่ผ่านมา ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
โฆษกกองทัพบกยืนยันว่า การปฏิบัติของกำลังทหารไทย มีเป้าหมายอย่างชัดเจน ในการตอบโต้ เฉพาะต่อกำลังทหารฝ่ายกัมพูชา มิได้มุ่งเป้าไปยังพื้นที่พลเรือน หรือสถานที่ใด ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการทางทหาร
พื้นที่บริเวณปราสาทพระวิหาร ไม่ได้อยู่ในแนวทิศทางการใช้อาวุธของฝ่ายไทย จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับผลกระทบ ตามที่เขมรกล่าวอ้าง
ประกอบกับตลอดเวลาที่ผ่านมา การปฏิบัติการทางทหารของไทย เป็นไปตามสิทธิในการป้องกันตนเอง ตามกฎบัตรสหประชาชาติ มาตรา 51 เพื่อป้องกันพื้นที่และเผชิญกับกำลังทหารกัมพูชาที่เข้ามาคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ หลังจากที่ฝ่ายทหารกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อ 24 ก.ค.2568 และใช้การโจมตี โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อพลเรือนและประชาชนผู้บริสุทธิ์
ดังที่ได้ปรากฏภาพความเสียหายต่าง ๆ ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน ปั๊มน้ำมัน ร้านสะดวกซื้อ และบ้านเรือนประชาชน ทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ จากการที่กองทัพบกได้ร่วมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่รวบรวมหลักฐานความเสียหาย ในบริเวณปราสาทตาเมือนธม ซึ่งเป็นโบราณสถานที่สำคัญของ จ.สุรินทร์ พบว่า ผนังและกำแพงของปราสาทได้รับความเสียหายจากกระสุนปืน รวมทั้งพบลูกระเบิดที่รอการเก็บกู้
และในส่วนของพื้นที่ปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ยังได้ปรากฏหลักฐานจากภาพถ่ายและวิดีโอว่า พบทหารเขมรเข้าไปตั้งฐานที่มั่น เพื่อใช้ปฏิบัติการทางทหารในบริเวณปราสาทด้วย ซึ่งทั้งสองกรณีนี้ ถือว่าเป็นการละเมิดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งการโจมตีต่อโบราณสถานที่สำคัญ และการปรับปรุงฐานที่มั่นทางทหารหลังข้อตกลงหยุดยิง
สำหรับรายละเอียดทั้งหมดนี้ เป็นหลักฐานชี้ชัดว่า เขมรยังคงพยายามนำเสนอข้อมูลที่บิดเบือนผ่านสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศ ที่ไม่ตรงกับการกระทำหรือหลักฐานที่ปรากฏ ทั้งยังกล่าวอ้างสร้างผลกระทบต่อประเทศไทย
กองทัพบกยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินการอย่างรอบคอบ ภายใต้หลักมนุษยธรรมและกฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของประเทศ โดยมิให้เกิดผลกระทบต่อบุคคลหรือทรัพย์สินที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ความขัดแย้งทางทหาร และขอเรียกร้องให้กัมพูชาเสนอข้อมูลและแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาและดูแลพื้นที่ชายแดนอย่างสันติวิธี
อ่านข่าว : สธ.เตือนอย่าบูลลี "ผู้ป่วยซึมเศร้า" จิตแพทย์แนะสร้างภูมิคุ้มกันทางใจ
เพื่อไทยพร้อมลุยเลือกตั้ง เล็งสอบวินัย สส.โหวตนายกฯ สวนมติ
"ทักษิณ" ใส่ชุดนักโทษสีฟ้า ย้ายไปเรือนจำคลองเปรม เจ้าตัวยกนิ้วโป้งโชว์สื่อ