โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

อึ้ง!เขมรตอบรับกู้ทุ่นบึ้ม-ปราบสแกมเมอร์

ไทยโพสต์

อัพเดต 23 สิงหาคม 2568 เวลา 3.38 น. • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วงประชุม RBC ไทย-กัมพูชาระดับแม่ทัพเห็นพ้อง 13 ข้อตกลงหยุดยิง GBC "เขมร" ตอบรับ 3 ใน 4 ข้อเสนอไทย "เก็บกู้ทุ่นระเบิด-ปราบสแกมเมอร์-ตั้งชุดประสานงานร่วม" ไม่ตอบรับแก้ปัญหา MOU 43 เหตุไม่อยู่ในอำนาจ โยนถกวง JBC แทน "มทภ.1" เปิดใจครั้งแรก ยันจับมือ "ทภ.2" ยับยั้งทหารกัมพูชาเติมกำลังสู้รบอีสานใต้ ยันคำนึงถึงศักดิ์ศรี รักษาผลประโยชน์ชาติ ขอ ปชช.เชื่อมั่น "บิ๊กเล็ก" มองชายแดนยังไม่จบ แค่คลี่คลาย ย้ำคุมตัว 18 เชลยศึกตามอนุสัญญาเจนีวา "ภูมิธรรม" ขอให้ทำใจเจรจาเขตแดนในโลกไม่มีที่ไหนจบง่าย ต้องได้ประโยชน์ร่วมกัน ลั่นดูแลจ่ายชดเชยผู้ได้รับผลกระทบ โวทำได้ดีกว่ารัฐบาลทุกสมัย เดินหน้าส่งทนายฟ้องหมอวรงค์หมิ่นฯ อีกราย "ราชภัฏบ้านสมเด็จฯ" ถอนปริญญาดุษฎีบัณฑิตสมเด็จฮุน เซน

ที่สโมสรนายทหาร มณฑลทหารบกที่ 19 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) ในระดับกองเลขานุการ ซึ่งเดิมกำหนดในเวลา 14.00 น. ของวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่มีการประชุม โดยกองทัพบกชี้แจงว่า การประชุมยังดำเนินการอยู่ผ่านทางโทรศัพท์และอีเมล ซึ่งฝ่ายกัมพูชาต้องให้ผู้บังคับบัญชาของตัวเองพิจารณา ก่อนขึ้นโต๊ะเจรจากับฝ่ายไทย

กระทั่งเวลา 00.05 น. ของวันที่ 22 ส.ค. พล.ท.ซอ กึมปะ รองผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 5 ประธานคณะทำงาน และคณะของฝ่ายกัมพูชา เดินทางมาถึงสโมสรนายทหาร มณฑลทหารบกที่ 19 โดยมี พล.ต.สุรวิชญ์ แดงจันทร์ เสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 ในฐานะประธานคณะทำงานฝ่ายไทย ให้การต้อนรับ

จากนั้นได้เข้าห้องรับรองเพื่อตรวจเอกสารอย่างละเอียดทีละแผ่นอีกครั้ง เนื่องจากกัมพูชานำเอกสารมาผิดชุด ทำให้ต้องใช้เวลาอีกกว่า 1 ชั่วโมงในการตรวจเอกสาร และทั้ง 2 ฝ่ายได้เข้าสู่ห้องประชุมเพื่อนำเอกสารขึ้นโต๊ะเจรจาในเวลา 01.15 น. แล้วเสร็จในเวลาประมาณ 02.00 น.

ต่อมา 10.00 น. การประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) ในระดับแม่ทัพได้เริ่มขึ้น โดยฝั่งกองทัพภาคที่ 1 ฝ่ายไทยนำโดย พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 ขณะที่ฝ่ายกัมพูชานำโดย พล.อ.แอก ซอมโอน ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 5 ใช้เวลาประชุมประมาณ 1 ชม.

มีรายงานว่า ในวงประชุมมีการหารือ 13+3 ข้อตกลง คือ 13 ข้อจากเดิม GBC เพื่อนำสู่การปฏิบัติ และข้อเสนอใหม่ของฝ่ายไทย 3 ข้อ ซึ่ง 2 ข้อแรกเป็นจุดยืนที่ไทยเสนอต่อ GBC มาแล้ว คือ 1.ให้สองฝ่ายเก็บกู้ทุ่นระเบิดร่วมกัน 2.ร่วมปราบสแกมเมอร์ และข้อ 3.เป็นข้อเสนอใหม่จากปัญหาชุมชนที่รุกล้ำพื้นที่ จ.สระแก้ว จึงเสนอจัดสรรพื้นที่ชายแดนให้ถูกต้องร่วมกัน

พล.ท.อมฤตแถลงสรุปผลการประชุม RBC ระดับแม่ทัพว่า ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงด้วยดี ตอบรับ 13 ข้อตกลงหยุดยิงจากการประชุม GBC ที่ผ่านมา และเห็นชอบเพิ่มเติม 3 ประเด็น จากที่ไทยเสนอ 4 ประเด็น คือ 1.ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันดำเนินการร่วมมือกำจัดทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม โดยพิจารณาให้หารือร่วมกันในการประชุม GBC ครั้งต่อไป 2.ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันร่วมมือประสานงานกันแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยให้ใช้เวทีมหาดไทยกัมพูชาหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย และเห็นควรให้เสนอหารือร่วมกัน GBC ครั้งต่อไป 3.ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้มีกลไกแก้ปัญหาด้วยการจัดตั้งชุดประสานงาน Coordination Group (CG) และคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น เพื่อเป็นกลไกรองรับคณะ RBC ในการแก้ไขปัญหาระดับพื้นที่

RBC เขมรรับข้อเสนอไทย 3 ไม่รับ 1

"ส่วนข้อ 4 ในการแก้ไขปัญหาการละเมิด MOU 43 ฝ่ายกัมพูชาขอให้ใช้กลไกอื่นในการหารือ เพราะไม่ได้อยู่ในอำนาจของ RBC โดยฝ่ายไทยยืนยันเสนอให้ฝ่ายกัมพูชาได้ทราบว่าเป็นพื้นที่ที่สำคัญ และได้แจ้งเจตนารมณ์ที่ชัดเจนของฝ่ายไทยในการแก้ไขปัญหา เรื่องนี้กัมพูชาขอไปใช้กลไก JBC หรือคณะกรรมาธิการร่วมเขตแดนไทย-กัมพูชาแทน แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็ต้องเสนอผ่านกลไก GBC" พล.ท.อมฤตกล่าว

ภายหลังการแถลงข่าว พล.ท.อมฤตให้สัมภาษณ์อีกครั้งต่อกระแสข่าวลือการปฏิบัติงานของกองทัพภาคที่ 1 ในช่วงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า กองทัพภาคที่ 1 ใช้แผนที่ 1:50,000 เช่นเดียวกับกองทัพภาคที่ 2 แต่ลักษณะพื้นที่มีความแตกต่างกัน เพราะกองทัพภาคที่ 2 มีลักษณะภูมิประเทศเด่นชัด เป็นแนวเทือกเขาพนมดงรัก บางจุดมีหน้าผาชัดเจนเป็นป่าเขา ต่างกับพื้นที่ภาคที่ 1 ซึ่งเต็มไปด้วยชุมชนขนาดใหญ่ของทั้งสองฝั่ง ลักษณะดินต่อดิน ยกเว้นบางช่วงที่อาจเป็นแนวคลอง ได้แก่คลองลึก ยืนยันว่าตลอดแนวหลักเขตตั้งแต่ 28-51 กำลังพลกองทัพภาคที่ 1 สามารถดูแลได้ทั้งหมด พร้อมได้ภาพสดจากกล้องและโดรน เพื่อให้สื่อมวลชนได้เห็นถึงกำลังพลที่รักษาหลักเขตทั้งหมด

พล.ท.อมฤตยอมรับว่า ยังมีบางหลักเขตที่ฝ่ายกัมพูชาไม่ยอมรับ จึงเป็นที่มาของเอ็มโอยู 43 ที่ทำไว้ระหว่างรัฐบาลได้รับความยินยอมจากทั้งสองประเทศตรงกันว่าในจุดที่ตกลงไม่ได้จะไม่มีการเข้าไปเปลี่ยนแปลงใดๆ ให้เกิดขึ้น อีกทั้งปัจจุบันเรามีเครื่องมือที่ทันสมัย ชัดเจน แม่นยำ โปร่งใส เป็นที่ยอมรับของทั้งสองประเทศ สำหรับขั้นตอนต่อไปก็จะเป็นระดับนโยบายที่เราจะทำต่อไป

ถามถึงกองทัพภาคที่ 1 ในการสนับสนุนสถานการณ์ความตึงเครียดเกิดในพื้นที่ภาคที่ 2 พล.ท.อมฤตกล่าวว่า การปฏิบัติการของกองทัพภาคที่ 1 ช่วยยับยั้งการไปเพิ่มเติมกำลังของฝ่ายกัมพูชาในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 รวมทั้งพื้นที่บ้านหนองจานที่กำลังเป็นข่าว กองทัพภาคที่ 1 ก็ได้พยายามผลักดันถอนทหารกัมพูชาออกไป โดยไม่มีการปะทะ หลังจากนั้นจึงมีการวางแนวลวดหนามเพื่อควบคุมพื้นที่ไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามกลับเข้ามา ยืนยันว่าการวางแนวลวดหนามเป็นหลักการรบ ป้องกันตนเอง มิใช่หลักเขตแดนตามที่เป็นข่าว และบ้านหนองจาน ระหว่างหลักเขตที่ 46 และ 47 ไม่มีหมุดหลักเขต เป็นพื้นที่ราบ จึงวางลวดหนามเพื่อป้องกันตนเอง

พล.ท.อมฤตกล่าวว่า กองทัพภาคที่ 1 ยืนยันศักดิ์ศรีการรักษาประชาธิปไตยและผลประโยชน์ของโทษของชาติ และความปลอดภัยของประชาชนและทรัพย์สิน ไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์ ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในกองทัพภาคที่ 1

ขณะเดียวกัน ในเวลา 16.00 น. ที่ ต.หนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว กองทัพไทยนำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT) 8 ประเทศ ลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงการรุกล้ำอธิปไตยแผ่นดินไทยของกัมพูชา และรายงานถึงสภาพพื้นที่หลักเขตที่ 46-47 ที่อยู่ด้านในเขตอธิปไตยไทย โดยกองกำลังบูรพาได้บรรยายสรุปเส้นปฏิบัติการตามแผนที่ 1: 50,000 สภาพบ้านเรือนร้างของชาวกัมพูชาที่สร้างรุกล้ำเข้ามาในเขตไทย พร้อมรับทราบมาตรการควบคุมและป้องกันการกระทำผิดกฎหมายข้ามชาติ เช่น อาชญากรรมออนไลน์ และการลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย

โดยทันทีที่คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวเดินสำรวจพื้นที่ ได้พบกับหมู่บ้านขนาดเล็กพร้อมซากอาคารบ้านเรือนและโรงงานที่ชาวกัมพูชาได้ลักลอบมาสร้างไว้กว่า 200 ครอบครัว โดยก่อนหน้านั้นทหารได้ผลักดันให้ออกนอกพื้นที่โดยไม่ได้มีการใช้อาวุธแต่อย่างใด หลังจากดำเนินการเรียบร้อยแล้วได้มีการนำสแลนและวางแนวรั้วลวดหนามเพื่อเป็นแนวป้องกัน ไม่ใช่การวางเพื่อกำหนดเส้นเขตแดน

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ช่วงที่คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวและสื่อมวลชนลงพื้นที่ มีชาวกัมพูชาพยายามมาแอบดูตามแนวปิดกั้น ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารต้องขอความร่วมมือไม่ให้เข้าไปใกล้ในบริเวณดังกล่าวมากจนเกินไป ขณะเดียวกันก็มีชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งหอบเอกสารสิทธิถือครองที่ดิน ตั้งใจจะมาแสดงให้คณะได้รับทราบปัญหา พร้อมเล่าว่า ทำมาหากินไม่ได้ เพราะชาวกัมพูชาที่อพยพมาอยู่ขับไล่ และมีการตั้งฐานของทหาร ตอนนี้เดือดร้อนหนัก อยากบอกรัฐบาลให้เร่งจัดการให้จบ

วันเดียวกัน นายนิกรเดช พลางกูร โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) แถลงข่าวยืนยันว่า พื้นที่บ้านหนองจานอยู่ใน จ.สระแก้ว ของไทย ซึ่งในอดีตได้เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวสำหรับชาวกัมพูชาที่หนีภัยสงครามเมื่อปี 2524 แต่ต่อมาฝ่ายกัมพูชากลับขยายพื้นที่ชุมชนออกไป ซึ่งถือว่าละเมิด MOU 2543 โดยฝ่ายไทยจำเป็นต้องวางลวดหนามในเขตไทย เพื่อปกป้องอธิปไตย คุ้มครองความปลอดภัยของประชาชน รวมถึงป้องกันการลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิด พร้อมทั้งยืนยันว่าการกระทำของกองทัพไทยไม่ขัดต่อข้อตกลงหยุดยิง

นายเบญจมินทร์ สุกาญจนัจที อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กต. เผยว่า พื้นที่บ้านหนองจานตั้งอยู่ระหว่างหลักเขตแดนที่ 46 และ 47 ซึ่งเป็นแนวเขตแดนตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศสปี 1907 โดยหลังจากสงครามสิ้นสุดแล้ว ชาวกัมพูชาเหล่านี้ยังคงเข้ามาก่อสร้างที่อยู่อาศัยและขยายที่ดินทำกินจนออกนอกแนวรั้วที่กำหนด นอกจากนี้ยังมีการตั้งที่ทำการของหน่วยงานทางการกัมพูชาและเชิญธงชาติกัมพูชาในพื้นที่ดังกล่าวด้วย

"ที่ผ่านมาฝ่ายไทยไม่ได้นิ่งนอนใจและดำเนินการทักท้วงมาโดยตลอด ทั้งขอให้ชาวกัมพูชาย้ายออกและดูแลไม่ให้ขยายที่ดินทำกินเพิ่มเติมอีก แต่ฝ่ายกัมพูชากลับไม่ตอบสนองใดๆ รวมถึงเคยอ้างว่าขอตรวจสอบแนวหลักเขตแดนให้แน่ชัดก่อน ซึ่งการกระทำเหล่านี้ขัดต่อ MOU 2543 พร้อมทั้งยืนยันว่ากรณีบ้านหนองจานไม่กระทบกับกระบวนการปักปันเขตแดนร่วมกันที่ยังคงดำเนินต่อไป"

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะรักษาราชการแทน รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ทางกัมพูชาออกมาเรียกร้องให้ไทยส่งตัวเชลยศึก 18 คนกลับกัมพูชาว่า ขณะนี้เราปฏิบัติตามอนุสัญญาเจนีวา ซึ่งตามอนุสัญญาสามารถควบคุมตัวได้จนกว่าจะเกิดการหยุดยิงสมบูรณ์ สิ้นสุดสภาพความเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน เพราะฉะนั้นโดยกฎหมายเราสามารถควบคุมได้ แต่อย่างไรก็ตามเราดูแลเป็นอย่างดี จากที่คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ หรือ ICRC ไปตรวจเยี่ยมก็พอใจว่าประเทศไทยดูแลเชลยศึกเป็นอย่างดี

ชี้ชายแดนไม่จบแค่คลี่คลาย

พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังไม่จบ แต่ใช้คำว่าสถานการณ์คลี่คลาย ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่คลี่คลายไปได้เรื่อยๆ และปัจจุบันทั้งศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. และคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) กำลังกำหนดฉากทัศน์ว่าหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร จากที่เดิมไม่มีการกำหนดฉากทัศน์เพราะไม่คิดว่าเหตุการณ์จะบานปลายขนาดนี้

"เมื่อเหตุการณ์บานปลายถึงขั้นนี้แล้ว การพูดคุยกันโดยไม่มีกรอบคงไม่เหมาะสม จึงต้องมีการกำหนดฉากทัศน์ขึ้นมา เพื่อให้ทุกหน่วยอยู่ในฉากทัศน์ที่กำหนด พร้อมยืนยันว่าฉากทัศน์ดังกล่าวจะต้องผ่านความเห็นชอบจากสภาความมั่นคงแห่งชาติหรือ สมช. และที่ประชุมคณะรัฐมนตรีก่อน" พล.อ.ณัฐพลกล่าว

รักษาการ รมว.กลาโหมยืนยันว่า การทำงานของ ศบ.ทก.และ GBC ไม่ได้ทำงานเพียงลำพัง เราทำงานตามขั้นตอน ไม่ได้รวบอำนาจจาก ครม.และ สมช.มาใช้แต่อย่างใด จึงอยากให้สบายใจ

ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมอาร์บีซีเป็นเรื่องของแม่ทัพภาคคุยกัน เมื่อคืนวันที่ 21 ส.ค. เป็นระดับเลขาฯ ที่เตรียมการ ไม่มีอะไรที่น่ากังวล จะนัดตีหนึ่ง เที่ยงคืน หรือ 4 โมงเย็น ได้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละฝ่าย เพราะเจ้าหน้าที่เขาต้องเตรียมตัวก่อนที่จะมีการนัดประชุมจริง ก็ให้แม่ทัพภาคเขาคุยกัน อย่าเดา เรามีเหตุผลของเราที่เราจะเสนอว่ามีความจำเป็นอย่างไร ซึ่ง 3 ข้อที่เสนอไปเป็นเงื่อนไขที่คิดว่าเป็นปัญหาหรือเป็นประโยชน์กับเราก็สามารถทำได้ ไม่ใช่ว่าเรามาคิดว่าเป็นประโยชน์กับเราฝ่ายเดียว มันเป็นความเหมาะสมถูกต้อง ที่เราควรจะต้องเสนอ ก็รอให้เขาคุยกันก่อน

“เรื่องเขตแดนในความเป็นจริงก็ต้องเตรียมใจไว้ว่ามันไม่ได้จบง่ายๆ ในโลกนี้ยังไม่มีอันไหนที่จบง่าย ต้องว่ากันไปและหาทางออกที่จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของทุกๆ ฝ่าย เพื่อไม่ให้กระทบอธิปไตยของประเทศ ใช้ประโยชน์ร่วมกัน อย่างไรก็แล้วแต่ละประเทศจะไปคุยกัน อย่าเพิ่งไปคิดว่ามันจะเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ และอย่าไปคิดว่ามันจะต้องจบ" นายภูมิธรรมกล่าว

ถามถึงการเยียวยาประชาชนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ถูกมองว่าไม่สมเหตุสมผล นายภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นเพียงจุดเล็กๆ ซึ่งจะมีการพิจารณาแก้ปัญหาต่อไป เพราะจริงๆ เรื่องนี้มีกฎระเบียบอยู่แล้ว เราจึงพยายามฝ่ากฎระเบียบด้วยการมีมติใหม่ๆ ออกมา ตนได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ประชุมร่วมกับสำนักงบประมาณ คณะกรรมการกฤษฎีกา กรมบัญชีกลาง และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากส่วนใหญ่ต้องเริ่มต้นที่กฎระเบียบก่อน ฉะนั้นขออย่าไปดูเรื่องการชดเชยค่าสังกะสี 73 บาท เพราะขณะนี้เรากำลังเพิ่มขั้นตอนต่างๆ

"ยืนยันการจ่ายชดเชยในครั้งนี้เป็นการจ่ายโดยใช้ระเบียบข้อบังคับเดิม แต่หากอะไรที่ดูแล้วสามารถเพิ่มให้ได้และชัดเจนว่าเกิดจากเหตุนอกประเทศที่ปะทะกันรุนแรง จนเป็นเหตุให้ได้รับผลกระทบทั้งเสียชีวิตและทรัพย์สินก็จะดูแลให้ เพราะการแก้ตรงนี้พิเศษกว่าที่อื่น เชื่อว่าที่ทำมาดีกว่าทุกรัฐบาลและทุกสมัย แต่มองว่าเรื่องนี้ยังไม่เป็นเรื่องที่ใหญ่ แต่สำหรับเรื่องใหญ่ๆ เดี๋ยวจะดูแลให้ เพราะยังมีอีกหลายร้อยหลายพันเรื่องที่เราจะต้องจ่าย เพราะฉะนั้นอันนี้ต้องคำนึงและต้องดูแลตามกฎระเบียบ ซึ่งผมว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็น จึงขออย่าไปคิดเรื่องนั้น" นายภูมิธรรมกล่าว

รัฐบาลเต้นเร่งเยียวยา ปชช.

ส่วน น.ส.ธีรรัตน์กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยตระหนักดีว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นภัยรูปแบบใหม่ที่แตกต่างจากภัยธรรมชาติทั่วไป โดยตลอดกว่า 1 เดือนนับจากเกิดเหตุ รัฐบาลสามารถขับเคลื่อนงานได้อย่างต่อเนื่อง ทันท่วงที และไม่สะดุด การช่วยเหลือเยียวยาประชาชนได้ดำเนินการตามลำดับขั้นตอน โดยรัฐบาลจะอนุมัติวงเงินช่วยเหลือแล้ว และต้องดำเนินการที่ชัดเจนตามระเบียบกฎหมาย

"ยอมรับว่ายังมีบางส่วนที่ไม่สามารถใช้เกณฑ์การเยียวยาแบบเดิมได้ เนื่องจากสถานการณ์ในครั้งนี้มีลักษณะการอพยพประชาชน ซึ่งแตกต่างจากเหตุการณ์ดินโคลนถล่มหรือน้ำท่วมที่ผ่านมา ดังนั้นขณะนี้จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเยียวยาและมาตรการช่วยเหลือต่างๆ เพิ่มเติม ให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของภัยพิบัติ เพื่อให้ประชาชนทุกครอบครัวที่ได้รับผลกระทบสามารถเข้าถึงความช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว ครอบคลุม และเป็นธรรม" รมช.มหาดไทยกล่าว

ที่ สน.พญาไท นายกณวรรธน์ อรัญ และนายธงชัย พรเศรษฐ์ ทีมงานทนายความ ที่ได้รับมอบอำนาจนายภูมิธรรม นำหลักฐานมาแจ้งความดำเนินคดี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี ฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา เผยแพร่ภาพสดหรือเนื้อหาในการปราศรัยให้ร้ายต่อรัฐบาลและนายภูมิธรรม โดยการนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ในการปราศรัยบนเวทีชุมนุมกลุ่มรวมพลังแผ่นดิน ปกป้องอธิปไตย เมื่อวันที่ 2 ส.ค. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

“จะมีแกนนำหรือนักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ขึ้นปราศรัยบนเวทีจะถูกแจ้งความเพิ่มหรือไม่นั้น ตอนนี้ยังไม่ขอพาดพิงไปถึงบุคคลอื่น ซึ่งผมได้รับมอบอำนาจมาแจ้งความต่อ นพ.วรงค์เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่หากตำรวจสืบทราบว่าเป็นผู้สนับสนุนหรือร่วมกระทำความผิดก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย" ทนายความระบุ

ที่รัฐสภา น.ต.วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ สว. ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร และประธานคณะอนุ กมธ.ด้านไซเบอร์และเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ วุฒิสภา แถลงกรณีต้นแบบรองเท้านิลมังกร (สไปเดอร์บูต) เพื่อลดแรงระเบิดว่า จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทหารไทยจำนวนมากที่สูญเสียขาจากทุ่นระเบิดของกัมพูชา ส่งผลให้เกิดความสะเทือนใจกับประชาชน รวมถึงขวัญและกำลังใจของทหารแนวหน้า ทำให้มีการแชร์รองเท้าที่อยู่เคยใช้ระหว่างสงครามรัสเซียและยูเครน ซึ่งตนและทีมงานได้ไปค้นคว้าพบว่าสิ่งประดิษฐ์เหล่านี้ถูกคิดค้นมาตั้งแต่ก่อนปี 2000 แล้วโดยประเทศแคนาดา ซึ่งมีโมเดลชัดเจนที่ยูเครนนำไปใช้ เราจึงถอดแบบมาจากสิ่งประดิษฐ์นั้น

"เราได้ใช้เครื่องพิมพ์แบบสามมิติและประสานงานกับโรงงานที่พิมพ์สามมิติ ปรากฏว่าโรงงานเหล่านั้นพร้อมจะสนับสนุน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่สร้างขวัญและกำลังใจให้กับประเทศแล้ว และจะทำลายขวัญและกำลังใจของกัมพูชาในการวางทุ่นระเบิด สิ่งสำคัญคือโรงงานเหล่านี้เมื่อแบบออกมาแล้วมีโรงงานหลายโรงงานที่พร้อมผลิตให้กับทหารไทย ซึ่งแบบที่ได้ออกแบบมาจะได้แจกจ่ายไปยังผู้ที่พร้อมผลิต โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ย้ำว่ามีอยู่หลายโรงงานที่พร้อมสนับสนุน ทั้งนี้ รองเท้าต้นแบบตัวจริงจะแล้วเสร็จในสัปดาห์หน้า และจะส่งไปที่กองทัพภาคที่ 2 เพื่อทำการทดสอบต่อไป" กมธ.การทหาร วุฒิสภา ระบุ

นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการ ออกบทความเรื่อง เก็บลวดหนาม..เปิดด่าน..แล้วชนะเขมรด้วย “สันติภาพ”??? ตอนหนึ่งระบุว่า ลวดหนามวันนี้เป็นการกีดกั้นทางกายภาพ ตามการยึดครองโดยอำนาจทางทหารเท่านั้น ในแง่แผนที่ผมว่าเราต้องเดินหน้าโดยเร็วหากลไกตรวจทานที่ถูกต้อง มาพิสูจน์ให้ได้ฉบับที่ชอบธรรมเป็นที่ยุติก่อน อาจใช้กลไกอาเซียนมาช่วยรับรองด้วยก็ได้ พอได้ฉบับใหม่นี้แล้ว จะสร้างรั้วถาวรแบบชายแดนเขมร- เวียดนาม ก็ทำได้

"วันนี้เมื่อได้เปรียบทางทหารแล้วเราต้องเดินแต้มทางการทูตทางวิชาการ สำทับไปเลยให้โลกเห็นว่าเราใช้เหตุใช้ผล ไม่ใช่ทำแบบเขมรที่ยิงจรวดใส่ชาวบ้าน สร้างภาพบานปลาย แล้วไปฟ้องสหประชาชาติ ตลบตะแลงสร้างภาพความเป็นเหยื่อให้โลกเข้ามาช่วยตบกบาลประเทศไทยอย่างที่ทำไป" นายแก้วสรรระบุ

วันเดียวกัน พล.ท.มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา แถลงว่า สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำกัมพูชาได้ยืนยันการเข้าร่วมในฐานะผู้สังเกตการณ์และผู้ให้ความช่วยเหลือทางเทคนิค เพื่อสนับสนุนการดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกัมพูชาและไทย โดยความริเริ่มดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูสถานการณ์ในภูมิภาคให้กลับสู่ภาวะปกติ

ด้านมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ออกประกาศระบุว่า สภามหาวิทยาลัยมีมติเป็นเอกฉันท์ อนุมัติการเพิกถอนการให้ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาการศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่น ของสมเด็จฮุน เซน.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ไทยโพสต์

ไทม์ไลน์นรกของ ‘ทักษิณ’

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘3 นายพล’ ไขก๊อก!

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

สติมา..ปัญญาเกิด

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

คาดอิ๊งค์ไขก๊อกหลังครม.26ส.ค.

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

คานสะพานลอยคนข้าม ร่วงระหว่างก่อสร้าง ถนนหมายเลข 317 ใกล้เคียงทางเข้า ตลาดเทศบาลอำเภอมะขาม โชคดีไร้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต จ.จันทบุรี

สวพ.FM91
วิดีโอ

อย่างที่คิดไว้! เรวัช มอง เขมรไม่กล้าฮือกับไทย ยอมรับง่ายๆ ทหารตัวเองเมา หลังเผชิญหน้าผู้กองอะตอม

BRIGHTTV.CO.TH

สภาพอากาศวันนี้ -28 ส.ค. จับตาพายุโซนร้อน กระทบไทยฝนตกหนักถึงหนักมาก ลมแรง

ฐานเศรษฐกิจ

ยังมีน้ำท่วมขัง ถนนสายดอนแก้ว - แม่ริม รถเล็กควรหลีกเลี่ยง จ.เชียงใหม่

สวพ.FM91

กรมอุตุเปิดเส้นทาง “พายุดีเปรสชัน” เตือนประชาชนติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด

เดลินิวส์

เช็กขั้นตอน-จุดขึ้นทะเบียนหมาแมว กทม. ฝังไมโครชิปฟรี ก่อน 10 ม.ค. 69

ฐานเศรษฐกิจ

คาดอิ๊งค์ไขก๊อกหลังครม.26ส.ค.

ไทยโพสต์

ฉบับวันที่ 23 สิงหาคม 2568

ไทยโพสต์

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...