เครดิตบูโรเผย จำนวนบัญชีลูกหนี้ยังเพิ่มต่อเนื่อง ทะลุ 92 ล้านบัญชี แม้ยอดหนี้ลด จับตาหนี้เสียพุ่ง 6.93%
เครดิตบูโรเผย ยอดหนี้คงค้างชะลอ ไม่ได้แปลว่า ปัญหาหมดไป ชี้จำนวนบัญชีลูกหนี้ (Account) ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื้อง สะท้อนว่า ผู้คนยังคงพยายามกู้ยืมเงินอยู่ แต่กลับสามารถกู้ยืมในจำนวนที่น้อยลง จับตาแนวโน้มหนี้เสีย (NPL) หลังพบไตรมาส 2 พุ่งขึ้น 6.93% จากปีก่อน
ดร. ลัษมณ อรรถาพิช ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) เปิดเผยว่า ตามข้อมูลหนี้สินครัวเรือน ที่จัดเก็บในระบบเครดิตบูโร ณ ไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 พบว่า สินเชื่อผู้บริโภคโดยรวมทั้งระบบ (Total Consumer Loan) อยู่ที่ 13.59 ล้านล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 0.14% QoQ แต่ลดลง 0.55% YoY เมื่อเทียบกับปีก่อน
“หนี้คงค้างในฐานข้อมูลของเครดิตบูโร ในขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 13.5 ล้านล้านบาท ซึ่งแน่นอนว่าเป็นตัวเลขที่สูงมาก แม้เห็นการลดลง แต่ไม่ได้หมายความว่า ปัญหากำลังจะหมดไป นอกจากนี้ แม้มูลหนี้คงค้าง (Outstanding) จะเริ่มทรงตัว (Plateau) แต่จำนวนบัญชีลูกหนี้ (Account) ยังคงเพิ่มขึ้น ซึ่งสามารถวิเคราะห์ได้ว่า ผู้คนยังคงกู้ยืมเงินอยู่ แต่กลับสามารถกู้ยืมในจำนวนที่น้อยลง” ดร. ลัษมณกล่าว
โดยเมื่อดูจำนวนบัญชี (Account) ลูกหนี้ในฐานข้อมูลเครดิตบูโร ณ ไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 อยู่ที่ 92.57 ล้านบัญชี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.7% QoQ และ 9.22% YoY
ดร. ลัษมณ ยังชี้ว่า หนี้ที่มียอดคงค้างมากที่สุด (Outstanding) ณ ไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 คือ ‘สินเชื่อที่อยู่อาศัย’ อยู่ที่ราว 5.16 ล้านล้านบาท ซึ่งนับว่ายังโอเคอยู่ ตรงกันข้ามกับ ประเภทสินเชื่อที่มียอดคงค้างมากที่สุดอันดับที่ 2 นั่นคือ ‘สินเชื่อส่วนบุคคล’ ที่มียอดคงค้างอยู่ที่ 2.6 ล้านล้านบาท ซึ่งนับเป็นระดับที่น่ากังวล
พร้อมทั้งอธิบายต่อว่า การขยายตัวอย่างก้าวกระโดดของ ‘สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์’ ในไตรมาสล่าสุด ที่เพิ่มขึ้น 84.21% YoY เป็นผลมาจากการเพิ่มสมาชิกใหม่เข้ามาในฐานข้อมูลเครดิตบูโร อย่างไรก็ตาม ถึงจะไม่มีสมาชิกใหม่ แนวโน้มสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ก็เพิ่มขึ้นอยู่แล้ว
Screenshot
สำหรับหนี้เสีย (NPL) ที่ค้างชำระเกิน 90 วันในฐานข้อมูลเครดิตบูโรอยู่ที่ราว 1.23 ล้านล้านบาท ณ ไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 คิดเป็นสัดส่วน 9.1% ของหนี้คงค้างทั้งหมด และเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 6.93% YoY
โดยหนี้เสียส่วนใหญ่อยู่ที่ ‘สินเชื่อส่วนบุคคล’ ซึ่งอยู่ที่ 2.86 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4.31% คิดเป็นสัดส่วน 23.18% ของ NPL ทั้งหมด รองลงมาคือ สินเชื่อยานยนต์ ซึ่งอยู่ที่ราว 2.68 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 5.35% คิดเป็นสัดส่วน 21.69%
Screenshot
เครดิตบูโรรุกขยายสมาชิก หวังพัฒนาข้อมูล สร้างประโยชน์ให้ประเทศชาติ
ดร. ลัษมณ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ในหลายประเทศทั่วโลกมีการทดสอบระบบการให้คะแนนเครดิต (Credit Scoring) หลากหลายรูปแบบ เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้มากขึ้น ขณะที่ประเทศไทยยังคงใช้ Credit Score เพียงรูปแบบเดียว ซึ่งในภาวะเศรษฐกิจโลกที่เปราะบาง หากใช้เพียงวิธีเดียวอาจทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ไม่สามารถกู้เงินได้มากนัก
อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในประเทศไทย แต่เป็นสถานการณ์ที่หลายประเทศเผชิญร่วมกัน จึงมีการพัฒนาโมเดลใหม่ๆ เพื่อให้กลุ่มที่ยังมีศักยภาพ แม้อาจได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจในช่วงนี้ สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ และเมื่อเศรษฐกิจหรือภาครัฐมีการปรับนโยบายในอนาคต กลุ่มดังกล่าวก็จะสามารถกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติ
ดร. ลัษมณ กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อมูลเครดิตถือเป็นฐานข้อมูลสำคัญระดับประเทศ เครดิตบูโรจึงต้องการเพิ่มจำนวนสมาชิกทั้งในเชิงปริมาณและความละเอียด นอกจากนี้ ปัจจุบันมีผู้ให้กู้หลายรายแสดงความสนใจเข้าร่วม
“ข้อมูลที่เรามีบ่งบอกอะไรหลายอย่างมาก สำหรับประเทศชาติ เราจึงอยากเพิ่มสมาชิกให้เข้ามาเยอะๆ และละเอียดๆ” ดร. ลัษมณกล่าว
พร้อมเปิดเผยว่า ธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank) ของไทยที่กำลังจัดตั้งขึ้น ก็กำลังสมัครเป็นสมาชิกเครดิตบูโร โดยหากได้เข้าร่วม ธนาคารเหล่านั้นก็จะต้องส่งข้อมูลลูกหนี้เข้าสู่ระบบเครดิตบูโร แต่ในทางกลับกันธนาคารสามารถเรียกดูข้อมูลจากเครดิตบูโรได้เช่นเดียวกัน
ดร. ลัษมณกล่าวอีกว่า เครดิตบูโรได้มีผู้ให้บริการ Buy Now Pay Later รายแรกที่เข้ามาอยู่ในระบบแล้วคือ SPayLater ซึ่งได้ให้ฟีดแบ็กมาว่า ได้รับประโยชน์มากจากการเห็นข้อมูลอย่างมาก นอกจากนี้ การเข้ามาของ SPayLater ยังทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่ ที่ไม่เคยมีประวัติเงินกู้อะไรเลย และจ่ายตรงตลอด มีคะแนนเครดิตที่ดีทันที
“จุดที่หลายคนยังไม่เข้าใจคือ การไม่มีข้อมูลเครดิตไม่ได้หมายความว่า มีเครดิตดี แต่การมีข้อมูล แม้แค่นิดเดียว แล้วปรากฏว่า มีการชำระตรงใน SPayLater ทำให้กลายเป็นคนที่มีเครดิตดีเลย ทีนี้จะไปกู้ที่อื่นก็ง่าย” ดร. ลัษมณ กล่าว
“SPayLater เหมือนเปิดประตูให้คนอื่นเห็นประโยชน์ของการเข้าร่วม และทำให้เครดิตบูโรเห็นข้อมูลเยอะมาก เหมือนเป็นการทดสอบระบบเครดิตบูโรเอง และอัปเกรดระบบตัวเอง เพื่อที่จะรองรับข้อมูลมหาศาลอย่างนี้ได้”
ภาพ: J Studios / Getty Images