SET สัปดาห์นี้ “ไซด์เวย์อัพ” รับแรงบวกภาษีสหรัฐ-จับตา THAI คัมแบ็กตลาดวันนี้
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (4-8 ส.ค. 2568) ว่า จะเคลื่อนไหวในกรอบ “Sideways-Up” หลังตลาดถูกขายทำกำไร (Sell on Facts) จากประเด็นสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีไทยในอัตรา 19% ซึ่งแม้สร้างแรงกดดันในระยะสั้น แต่ถือว่าดีกว่าหลายประเทศคู่แข่ง เช่น เวียดนาม สะท้อนโอกาสในการแข่งขันที่สูงขึ้น
บล.กรุงศรีมองว่า แม้จิตวิทยาการเมืองในประเทศได้รับแรงกดดันจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกรณีรองประธานสภาฯ แต่ประเมินว่า เสียงสนับสนุนของรัฐบาลยังเพียงพอผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2569 ได้ ซึ่งช่วยพยุงบรรยากาศการลงทุนในภาพรวม ขณะที่กระแส Fund Flow เริ่มมีแนวโน้มไหลกลับเข้าภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะตลาดที่มีความสามารถแข่งขันและเสถียรภาพนโยบายสูงขึ้น เช่น ไทย
ประเด็นที่น่าจับตาในสัปดาห์นี้ ได้แก่ การกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ของ THAI วันที่ 4 ส.ค. ซึ่งจะช่วยกระตุ้นจิตวิทยาการลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารและการบิน ขณะที่การประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2568 ของบริษัทจดทะเบียนกลุ่ม Real Sector จะทยอยออกมา โดยมองหุ้นเด่น Global Plays (PTT, PTTGC, TOP, IVL) หุ้นดีลการค้าหนุน (ธนาคาร, ส่งออก, นิคม, นำเข้าสินค้าถูกลง) ผสานหุ้นกำไรไตรมาส 2/68 คาดออกมาดี MTC, GPSC, ADVANC, CBG และ GULF
ด้านกลยุทธ์การลงทุน แนะนำเลือกซื้อหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว โดยหุ้นเด่นสัปดาห์นี้ ได้แก่ WHA (เป้า 5.1 บาท) หุ้นมูลค่าต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน (Deep Value) และได้รับอานิสงส์จาก FDI ส่วน PTTGC (เป้า 28 บาท) แนวโน้มจีนลดซัพพลายภาคอุตสาหกรรม หนุนราคาผลิตภัณฑ์ฟื้น และ SCB (เป้า 145 บาท) แนวโน้มเศรษฐกิจฟื้น หนุนปรับประมาณการ GDP ขึ้น
ส่วนหุ้นเด่นประจำเดือน ส.ค. 68 (Aug Best Picks) ได้แก่ BDMS, CPALL, GULF, IVL, PTT, PTTGC และ WHA และ Top Picks ไตรมาส 3/2568 (3Q25F) ได้แก่ ADVANC, TRUE, GULF, MTC, BDMS, CENTEL, PTTGC, IVL, CPALL, WHA Small Cap Play: BCH, SAWAD, AMATA, ERW
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเศรษฐกิจสำคัญที่นักลงทุนควรติดตามในสัปดาห์นี้ อาทิ ดัชนี PMI ภาคบริการสหรัฐฯ (ISM) วันที่ 5 ส.ค.,ผลประชุม BoE ของอังกฤษ วันที่ 7 ส.ค. ,รายงานส่งออก-นำเข้าจีน และ PMI ภาคบริการ และดัชนี CPI ไทย เดือน ก.ค. (ประกาศ 6 ส.ค.)
ทั้งนี้ บล.กรุงศรีคาดว่า EPS ตลาดปี 2568 อยู่ที่ 88.4 บาทต่อหุ้น ลดลงเล็กน้อยจากสัปดาห์ก่อน กลุ่มที่ปรับประมาณการกำไรลงคือ ปิโตรเคมีและแพ็กเกจจิ้ง ขณะที่กลุ่มวัสดุก่อสร้างและบันเทิงมีการปรับขึ้น