Stellantis คาด H1/68 ขาดทุนกว่า 2.68 พันล้านดอลล์ พิษภาษีสหรัฐ
Stellantis เจ้าของแบรนด์ Jeep และ Peugeot เผยผลประกอบการเบื้องต้นครึ่งปีแรก 2568 คาดขาดทุนสุทธิ 2.3 พันล้านยูโร จากผลกระทบต้นทุนอุตสาหกรรมพุ่ง ค่าบันทึกทางบัญชี และภาษีนำเข้าของสหรัฐ
วันที่ 21 กรกฎาคม 2568 เวลา 13.40 น. สำนักข่าว CNBC รายงานว่า บริษัท Stellantis ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ Jeep, Dodge, Fiat, Chrysler และ Peugeot เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ (21 ก.ค.) ว่าคาดว่าจะขาดทุนสุทธิ 2.3 พันล้านยูโร หรือราว 2.68 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 โดยเกิดจากค่าบันทึกก่อนหักภาษี (pre-tax net charges) และผลกระทบเบื้องต้นจากภาษีนำเข้าของสหรัฐ
Stellantis ประเมินรายได้สุทธิครึ่งปีแรกอยู่ที่ 7.43 หมื่นล้านยูโร ลดลงจาก 8.5 หมื่นล้านยูโรเมื่อช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ตัวเลขเบื้องต้นนี้เผยแพร่ภายใต้สถานการณ์ที่บริษัทยังไม่ได้ให้คำแนะนำทางการเงิน (financial guidance) ซึ่งถูกระงับไว้ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน โดยบริษัทระบุว่าการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินเบื้องต้นแบบไม่ผ่านการตรวจสอบในครั้งนี้ เป็นการตัดสินใจที่ไม่ธรรมดา เพื่อลดความคลาดเคลื่อนระหว่างประมาณการของนักวิเคราะห์กับผลการดำเนินงานจริง
ข้อมูลนี้สะท้อนถึงความท้าทายอย่างมากที่รออยู่เบื้องหน้าของซีอีโอคนใหม่ อันโตนิโอ ฟิโลซา ซึ่งเพิ่งเข้ารับตำแหน่งในเดือนพฤษภาคม หลังอดีต CEO คาร์ลอส ทาวาเรส ลาออกกะทันหันท่ามกลางกำไรที่ลดลง ยอดขายตก และปัญหาในตลาดสหรัฐ
ราคาหุ้นของStellantis ที่ตลาดหุ้นมิลานเช้าวันจันทร์ลดลง 1.6% แม้จะฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดช่วงเช้า ทั้งนี้ราคาหุ้นปรับลดลงกว่า 38% ตั้งแต่ต้นปี โดยยอดจัดส่งรถยนต์ไตรมาส 2 ลดลง
บริษัทระบุว่ามี 4 ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในช่วง 6 เดือนแรก ได้แก่
- มาตรการปรับโครงสร้างเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไร
- ค่าบันทึกก่อนหักภาษีประมาณ 3.3 พันล้านยูโร
- ต้นทุนอุตสาหกรรมที่สูงขึ้น
- อัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่เอื้ออำนวย รวมถึงผลกระทบจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ในระยะเริ่มต้น
Stellantis คาดว่าผลกระทบจากภาษีจะสร้างต้นทุนประมาณ 300 ล้านยูโรในครึ่งปีแรก ซึ่งรวมถึงการสูญเสียกำลังการผลิตตามแผนรับมือภาษีนำเข้า ทั้งนี้บริษัทจะเปิดเผยงบการเงินอย่างเป็นทางการในวันที่ 29 กรกฎาคม
สำหรับยอดการจัดส่งรถยนต์ในไตรมาส 2 บริษัทประเมินว่าลดลงเหลือราว 1.4 ล้านคัน หดตัว 6% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยในตลาดอเมริกาเหนือ ยอดจัดส่งรถลดลงราว 109,000 คัน หรือประมาณ 25% จากการผลิตและส่งออกยานยนต์นำเข้าที่ลดลง ซึ่งได้รับผลกระทบจากภาษีมากที่สุด รวมถึงยอดขายให้กับลูกค้ากลุ่มองค์กรที่ลดลงด้วย
อ้างอิง : cnbc.com