จูงใจธุรกิจหนีเขมรกลับไทย กัลฟ์ให้ 100 ล้านเยียวยาทหาร แสนสิริแจกทุนศึกษาทายาท
หลายภาคส่วนเร่งออกมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บีโอไอไฟเขียวมอบสิทธิประโยชน์นักลงทุนย้ายฐานผลิตจากกัมพูชากลับไทย หอการค้าอีสานเสนอแผนเยียวยารัฐหักภาษี 2 เท่า หากมาจัดประชุมหรืออีเวนต์ 4 จว.ชายแดน พร้อมชงตั้งระเบียงเศรษฐกิจอีสานตอนล่าง กลุ่มธุรกิจใหญ่ร่วมดูแลทหารกล้า กัลฟ์มอบเงินตั้งกองทุน 100 ล้านบาท แสนสิริมอบทุนการศึกษาจนจบปริญญาตรี ให้ลูกหลานทหารผู้พลีชีพ แบงก์ยกหนี้ให้ครอบครัวทหารผู้เสียชีวิตเช่นกัน
บีโอไอไฟเขียวอุ้มนักลงทุน
ความคืบหน้าผลกระทบปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ซึ่งมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เป็นประธาน เห็นชอบ “มาตรการส่งเสริมการลงทุนกรณีได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา” เพื่อช่วยเหลือนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติที่ได้รับผลกระทบจากการปิดด่านพรมแดน
ที่ผ่านมา บีโอไอหารือกับกลุ่มนักลงทุนที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งมีบริษัทหลายรายที่ผูกซัพพลายเชนเชื่อมโยงระหว่างสองประเทศ เช่น โรงงานในไทยส่งวัตถุดิบไปยังกัมพูชา เพื่อนำไปประกอบบางส่วน แล้วส่งกลับมาไทยเพื่อผลิตเป็นชิ้นส่วนที่มีความซับซ้อน หรือผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูปก่อนส่งให้ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ ผ่านศูนย์กระจายสินค้าในไทย
เพิ่มสิทธิย้ายออกจากกัมพูชา
เมื่อปิดด่านบริเวณชายแดน จึงส่งผลต่อการขนส่งวัตถุดิบและสินค้า ทำให้ต้องเปลี่ยนไปขนส่งผ่านประเทศเวียดนามและลาว หรือเปลี่ยนมาใช้การขนส่งทางเรือหรืออากาศ ที่มีข้อจำกัดมาก ใช้เวลานาน ต้นทุนสูงขึ้นมาก นักลงทุนหลายรายจึงแจ้งบีโอไอ ถึงความจำเป็นที่ต้องวางแผนย้ายฐานผลิต หรือเครื่องจักรบางส่วนกลับมาที่ไทยโดยเร็ว
บีโอไอจึงนำเสนอมาตรการส่งเสริมการลงทุนกรณีได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ให้สิทธิประโยชน์ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรใช้แล้วในทุกกรณี และเงินลงทุนในเครื่องจักรใช้แล้วที่มีอายุไม่เกิน 10 ปี จะให้นับเป็นวงเงินยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ถึงร้อยละ 100 ของเงินลงทุน หากระยะเวลานำเข้าเครื่องจักรเดิมสิ้นสุดไปแล้ว อนุญาตให้นำเข้าเครื่องจักรเฉพาะที่ย้ายมาจากกัมพูชาเป็นเวลา 1 ปี นับตั้งแต่ยื่นขอแก้ไขโครงการ นักลงทุนต้องเสนอแผนการย้ายฐานผลิตจากกัมพูชา และยื่นคำขอภายในสิ้นปี 2569
กางแผนเยียวยาธุรกิจอีสาน
นายสมชาติ พงคพนาไกร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หอการค้าไทย กล่าวว่า ขอเสนอแผนเยียวยาผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ แบ่งออกเป็น 2 ระยะ ได้แก่ 1.แผนระยะสั้น 1 ปีพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคอีสาน สำหรับธุรกิจโรงแรม ขอความร่วมมือภาคเอกชนหอการค้าทั้ง 16 จังหวัดในภาคอีสาน และหอการค้าทั่วประเทศ ให้มาจัดอีเวนต์หรืองานประชุมสัมมนาในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน มีเงื่อนไขสร้างแรงจูงใจโดยสามารถหักภาษีได้ 2 เท่า
นอกจากนี้ ขอให้งดเว้นการปรับค่าแรงขั้นต่ำ สำหรับโรงแรมประเภท 2 ห้องพักเกิน 50 ห้องขึ้นไป สำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบทั้ง 4 จังหวัด ต้องการให้ภาครัฐลดหย่อนภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และภาษีป้าย รวมถึงขอให้ธนาคารเอกชนเพิ่มมาตรการช่วยเหลือภาคธุรกิจ
ชงตั้งระเบียง ศก.อีสานล่าง
แผนระยะยาว ขอให้พัฒนาภาพรวมเศรษฐกิจทั้งภาคอีสาน โดยเสนอให้ทำ “ระเบียงเศรษฐกิจอีสานตอนล่าง” (นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ชัยภูมิ และยโสธร) ให้ภาคอีสานเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่ เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน ลาว กัมพูชา เวียดนาม จีนตอนใต้ บนพื้นฐานของ “เมืองน่าอยู่”
เนื่องจากภาคอีสานมีนิคมอุตสาหกรรมน้อย จึงขอให้เน้นไปที่การแปรรูปในอุตสาหกรรมการเกษตร เพราะภาคอีสานเป็นแหล่งการผลิตที่สำคัญ และมีแหล่งน้ำเพียงพอ โดยมีต้นแบบมาจากเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) แต่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คือ EEC ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายในอนาคต หรือ New S-curve เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ศรีสะเกษวอนเร่งเชื่อมั่น
นายรัฐวิทย์ อังคสกุลเกียรติ ประธานหอการค้าจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ตั้งแต่มีมาตรการเปิด-ปิดด่านชายแดน รวมถึงเหตุการณ์ปะทะจนมีผู้เสียชีวิต ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว ประชาชนเกิดความกังวลใจที่จะเดินทางมาในพื้นที่ ส่งผลให้อีเวนต์และบุ๊กกิ้งถูกยกเลิกกว่า 60% ในขณะที่การประชุมสัมมนาและการจัดอีเวนต์ของภาครัฐได้ถูกเลื่อนออกอีก 1 เดือน
ส่วนการปิดอุทยานแห่งชาติ (ผามออีแดง) ใน อ.กันทรลักษ์ ช่วงไฮซีซั่นเดือนกันยายน-พฤศจิกายน เคยมีนักท่องเที่ยว
กว่า 200,000 คนต่อปี สร้างรายได้ให้จังหวัดราว 500-600 ล้านบาท แต่ตอนนี้ถูกปิดเป็นพื้นที่ตรึงกำลังแล้ว
สิ่งที่ภาครัฐสามารถเยียวยาผู้ประกอบการเบื้องต้นได้ คือ การลดหย่อนภาษีแต่ละประเภทให้กับผู้ประกอบการ เช่น ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และนิติบุคคล เป็นต้น อีกหนึ่งสิ่งที่ควรเร่งเดินหน้าคือ “มาตรการสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว” โดยเฉพาะการสื่อสารเชิงบวกจากรัฐ
บุรีรัมย์ขอเว้นภาษี-ลดดอกเบี้ย
นางสาวพูลทรัพย์ เทพนคร ประธานหอการค้าจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ทั้ง 4 จังหวัดชายแดนได้รับผลกระทบกันหมดแล้วเกือบ 100% โดยเฉพาะภาคบริการกลุ่มธุรกิจโรงแรมที่ได้รับผลกระทบโดยตรง มูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจของทั้งจังหวัดบุรีรัมย์อยู่ที่ 200-300 ล้านบาท โดยผลกระทบตอนนี้ไม่ใช่เพียงกลุ่มประชาชนแล้ว แต่ยังกระทบไปถึงภาคธุรกิจผู้ประกอบการรายย่อยด้วย
จึงขอให้ภาครัฐมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่เป็นรูปธรรม ได้แก่ 1.ปรับอัตรา-การเว้นดอกเบี้ยให้กับ
ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง 2.ขอให้ภาครัฐลดหย่อนภาษีทุกประเภท 3.ให้การไฟฟ้า-ประปาส่วนภูมิภาคปรับลดค่าไฟ-ค่าน้ำประปา และ 4.พิจารณาการปรับค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท
สำหรับโรงแรมประเภท 2 ห้องพักเกิน 50 ห้องขึ้นไป
แบงก์เยียวยาทหารพลีชีพ
นายเอกชัย เตชะวิริยะกุล ประธานผู้บริหาร Risk ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าออกมาตรการยกหนี้ให้ทหาร และ ตชด.ที่เสียชีวิต ทุพพลภาพ หรือสูญเสียอวัยวะ จากการปฏิบัติหน้าที่ในชายแดนไทย-กัมพูชา โดยยกหนี้ให้ทุกสัญญาเงินกู้ 100% ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ครอบคลุมสินเชื่อทุกประเภท เพื่อช่วยลดภาระของครอบครัว และสามารถดำรงชีวิตต่อไปได้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก
พร้อมกันนี้เพิ่มมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งครอบคลุมลูกค้าบุคคลรายย่อย และลูกค้าธุรกิจ ทั้งในด้านการฟื้นฟูซ่อมแซมทรัพย์สินที่อยู่อาศัย การลดภาระทางการเงิน และเสริมสภาพคล่องในการดำรงชีพ
ทีทีบี-ธ.ก.ส.ล้างหนี้ให้ทั้งหมด
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทยธนชาต หรือทีทีบี กล่าวว่า เหล่าทหารกล้าที่เสียชีวิตจากเหตุปะทะ กรณีที่มีสินเชื่อคงค้าง ทีทีบียกหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยทุกบัญชีที่มีกับธนาคารให้กับทหารกล้า 4 นายที่เสียชีวิต และมอบเงินสนับสนุนและช่วยเหลือให้ทหารกล้า 6 นาย ที่รับเงินเดือนผ่านบัญชีทีทีบี รายละ 150,000 บาท เป็นกรณีพิเศษ
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) นำคณะเยี่ยมครอบครัว ส.อ.กฤษฎา น้อยโคตร สังกัดกองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 6 และ จ.ส.อ.อโณทัย ป้องแก้ว สังกัดกองพันปฏิบัติการพิเศษ กรมรบพิเศษที่ 3 (ฉก.90) ยกหนี้ในส่วนของต้นเงินกู้ทุกสัญญา และยกหนี้ในส่วนของดอกเบี้ยทั้งจำนวนให้ทั้ง 2 ครอบครัว ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการธนาคาร
กัลฟ์ตั้งกองทุน 100 ล้านช่วยทหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า กลุ่มนักธุรกิจรายใหญ่ของไทยจำนวนมาก ร่วมเยียวยาด้านต่าง ๆ อาทิ นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) จัดตั้งกองทุน 100 ล้านบาท เพื่อเยียวยาทหารที่บาดเจ็บและเสียชีวิต นอกจากนี้ ทั้ง AIS และไทยคม นำเทคโนโลยีด้านโทรคมนาคมและดาวเทียมอำนวยความสะดวกการสื่อสาร ขยายสัญญาณ 4G/5G เพื่อให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงสามารถสื่อสารได้อย่างสะดวก
นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือรถไฟฟ้าบีทีเอส นำคณะผู้บริหาร มอบเงินสนับสนุนกองทัพ 50 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือและเยียวยากำลังพลของกองทัพ จากก่อนหน้านี้มอบ 50 ล้านบาท ให้กับกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี
แสนสิริมอบทุนการศึกษาทายาท
มูลนิธิเสริมกล้า ก่อตั้งโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 มอบทุนการศึกษาจำนวน 7 ทุน ให้แก่บุตรหลานของวีรบุรุษผู้กล้า ทหารผู้พลีชีพจาก 6 ครอบครัว ที่มาจากจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ ได้แก่ อุดรธานี อุบลราชธานี ยโสธร สิงห์บุรี มุกดาหาร และขอนแก่น โดยเป็น “ทุนต่อเนื่อง” ที่จะดูแลค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาไปจนถึงระดับปริญญาตรี
มีเป้าหมายหลักคือแบ่งเบาภาระทางการเงิน ของครอบครัวที่สูญเสียหัวหน้าครอบครัว เปิดประตูโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียม ปลูกฝังให้เยาวชนเหล่านี้เติบโตเป็นบุคลากรคุณภาพของสังคม
ภูมิธรรมพร้อม รมต.ลงพื้นที่
ส่วนการดูแลพื้นที่ได้รับความเสียหาย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ พร้อมนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ ลงพื้นที่ไปดูสถานที่ต่าง ๆ เช่น ปั๊มน้ำมันที่ได้รับความเสียหาย เนื่องจากมีการระบุว่ายังไม่ได้รับการดูแล และหากสามารถเข้าพื้นที่ได้จะเข้าไปยังโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลที่ได้รับความเสียหาย โดยแนวทางการลงพื้นที่นั้นจะประสานไปยังพื้นที่ก่อนว่ามีความพร้อมหรือไม่ เพื่อไม่ให้เป็นภาระกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน
ขณะเดียวกันระหว่างวันที่ 9-10 สิงหาคม มีรัฐมนตรีรวม 7 คน แยกย้ายลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมประชาชนในที่พักพิงชั่วคราวทั้งหมด 12 แห่ง ใน 4 จังหวัด ได้แก่ จ.สุรินทร์ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ประกอบด้วย น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ จ.สุรินทร์, นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.แรงงาน ลงพื้นที่ จ.สุรินทร์, นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา และ 3.นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ
นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมว.เกษตรและสหกรณ์ และนายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมช.ศึกษาธิการ ลงพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ศูนย์พักพิงสนามช้างฯ เซอร์กิต 6.น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ศูนย์พักพิงวัดเม็กน้อย และ อบต.เมืองเดช
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : จูงใจธุรกิจหนีเขมรกลับไทย กัลฟ์ให้ 100 ล้านเยียวยาทหาร แสนสิริแจกทุนศึกษาทายาท
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net