เจ้าของรถยนต์เก๋ง MG ที่ตกเหวเขาคอม้า ไม่เชื่อกระดูกในเก๋งคือ ‘รัตน์ชนก’
เจ้าของรถยนต์เก๋ง MG ที่ตกเหวเขาคอม้า นำหลักฐานเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ชาติตระการ เพื่อยืนยันมีหญิงสาวเช่ารถตนเอง และหายตัวไปเมื่อ 2 ปีก่อน พร้อมเผยไม่เชื่อว่า น.ส.รัตน์ชนก ผู้เช่ารถไปไม่น่าใช่คนเดียวกับกระดูกในรถยนต์ เนื่องจากพบว่ามีประวัติก่อเหตุขึ้นอีกในช่วงคาบเกี่ยว
10 ส.ค. 2568 - เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 9 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากคดีเกิดอุบัติเหตุรถพ่วงบรรทุกไม้ตกเหวเขาคอม้า ม.15 ต.บ้านดง อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก จนนำไปสู่การพบซากรถ MG ปริศนา อีก 1 คัน อยู่ด้านล่าง ถูกไฟไหม้ทั้งคัน และพบโครงกระดูกมนุษย์ เมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บกู้ซากรถจากเหวลึก ซึ่งเป็นรถบรรทุกพ่วงและรถยนต์เก๋ง MG คันดังกล่าว ได้ดำเนินการ จอดไว้ที่ สภ.ชาติตระการ และอยู่ระหว่างการประสานผู้เชี่ยวชาญเข้ามาทำการตรวจสอบหมายเลขคัสซีและหมายเลขเครื่องยนต์
พบว่ารถดังกล่าวมีนายนิโรจน์ จำปามูล อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99/163 แขวงบางหลวง เขตเมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี เป็นเจ้าของรถ และมีธุรกิจให้เช่าเต้นรถ และเคยแจ้งความที่ สน.สายไหม ว่าได้ให้ น.ส.รัตน์ชนก พงษ์ดี อยู่บ้านเลขที่ 3/11 ม.10 ต.บ้านอิฐ อ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง ได้มาทำการติดต่อเช่ารถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง ยี่ห้อ เอ็มจี สีดำ หมายเลขทะเบียน 4ขว 7354 กรุงเทพมหานคร ไว้เมื่อ 2 ปีก่อน โดยได้ทำสัญญาเช่าแบบรายวัน แต่ไม่ได้นำรถกลับมาคืน อีกทั้งสัญญาณ GPS จากรถคันนี้ก็ขาดหายไปบริเวณใกล้จุดเกิดเหตุบนเขาคอม้า
ล่าสุดในวันนี้ นายนิโรจน์ จำปามูล เจ้าของรถ ได้เดินทางมาที่ สภ.ชาติตระการ เพื่อให้ปากคำและนำหลักฐานเกี่ยวกับรถยนต์ดังกล่าวมาให้แก่ ร.ต.อ.ชัยณรงค์ คงเมือง พนักงานสอบสวน สภ.ชาติตระการ เพื่อไขปริศนาว่าศพดังกล่าวเป็นของน.ส.รัตน์ชนก ผู้เช่ารถด้วยหรือไม่ โดยนายนิโรจน์ ได้เข้าไปตรวจสอบซากรถ MG และพบว่า ตัวเลขคลัชซีตรงกันจริง พร้อมกับกล่าวว่า ตนเองที่เดินทางมาครั้งนี้เพื่ออยากจะทราบว่าศพดังกล่าว เป็นของ น.ส.รัตน์ชนก จริงหรือไม่ ถ้าไม่จริงก็อยากเจอตัวเค้า ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ซึ่งเมื่อปี 66 นั้น รถของตนเอง GPS สัญญาณตัดหายไปที่บริเวณเขาคอม้า แต่เมื่อตรวจสอบประวัติพบว่า ในปี 67 น.ส.รัตน์ชนก มีคดีช่อโกงอีกครั้ง ทำให้เชื่อได้ว่า น.ส.รัตน์ชนก น่าจะยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งโครงกระดูกดังกล่าวก็ไม่น่าจะเป็นของ น.ส.รัตจน์ชนก ด้วย อาจมีการขายต่อให้กับบุคคลอื่นเป็นมือสอง มือสาม อีกก็ได้ แต่ก็ต้องรอผลพิสูจน์ดีเอ็นเอ จากนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ
ขณะที่แนวทางการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า หลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ตรวจสอบดีเอ็นเอแม่ ของน.ส.รัตน์ชนก อีกครั้งว่าตรงกับกระดูกที่พบหรือไม่ อีกทั้งจากการตรวจสอบเวลา ที่ GPS รถคันดังกล่าว ที่หายไปในช่วงปี 66 นั้น เจ้าหน้าที่พบว่า น.ส.รัตน์ชนก ยังไม่ได้หมดสัญญาเช่า ณ เวลานั้น ซึ่งเช่ารถมาจำนวน 10 วัน หากพบว่ากระดูกดีเอ็นเอ ตรงกัน ก็อาจเป็นดดีอุบัติเหตุ ซึ่งอาจไม่เข้าค่ายลักทรัพย์ได้ อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียดอีกครั้ง