ทรัมป์ลุยเก็บภาษีพัสดุต่ำกว่า 800 ดอลลาร์ มีผลถาวรตั้งแต่วันนี้
สหรัฐอเมริกาประกาศยกเลิกสิทธิยกเว้นภาษีนำเข้าสำหรับพัสดุที่มีมูลค่าต่ำกว่า 800 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 26,000 บาท อย่างเป็นทางการและถาวร โดยมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ถือเป็นการปิดฉากสิทธิพิเศษที่มีผลบังคับใช้มากว่า 8 ทศวรรษ พร้อมเปลี่ยนโฉมกติกาการค้าระหว่างประเทศในยุคอีคอมเมิร์ซอย่างสิ้นเชิง
มาตรการใหม่นี้ถูกบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 00:01 น. (EDT) หรือ 04:01 น. (GMT) ของวันศุกร์ โดยสำนักงานศุลกากรและป้องกันพรมแดนสหรัฐ (CBP) จะเริ่มจัดเก็บภาษีนำเข้าในอัตราปกติสำหรับพัสดุทุกชิ้น ไม่ว่ามูลค่าจะสูงหรือต่ำเพียงใด ซึ่งหมายความว่าพัสดุจากทั่วโลกจะไม่สามารถใช้สิทธิยกเว้นได้อีกต่อไป
ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่า การยกเลิกสิทธิยกเว้นดังกล่าวมีจุดประสงค์หลักเพื่ออุดช่องโหว่ของกฎหมาย de minimis ที่ถูกใช้เป็นช่องทางลักลอบนำเข้ายาเสพติดและสินค้าต้องห้ามเข้าสู่ประเทศ รวมถึงสารเฟนทานิลที่สร้างวิกฤตการเสียชีวิตในสหรัฐมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มรายได้ภาษีเข้าคลัง ซึ่งคาดว่าจะสูงถึง 10,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี
ปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาด้านการค้าของทำเนียบขาวกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “การที่ประธานาธิบดีทรัมป์ยกเลิกช่องโหว่ de minimis ที่อันตรายถึงชีวิต จะช่วยรักษาชีวิตชาวอเมริกันไว้ได้หลายพันคน พร้อมทั้งเพิ่มรายได้ให้กับประเทศ” ขณะที่เจ้าหน้าที่อาวุโสของรัฐบาลย้ำว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะไม่มีการถอยหลัง และไม่มีโอกาสที่จะคืนสิทธิยกเว้นให้แม้แต่กับประเทศคู่ค้าที่เชื่อถือได้
สำหรับในช่วงเปลี่ยนผ่าน 6 เดือนแรก ผู้ให้บริการขนส่งพัสดุสามารถเลือกจ่ายภาษีในอัตราเหมาระหว่าง 80-200 ดอลลาร์ต่อพัสดุ ขึ้นอยู่กับประเทศต้นทาง ก่อนที่จะต้องเข้าสู่ระบบจัดเก็บภาษีเต็มรูปแบบทั้งหมด
สิทธิยกเว้น de minimis มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่ปี 1938 และถูกปรับเพิ่มวงเงินครั้งสำคัญจาก 200 ดอลลาร์เป็น 800 ดอลลาร์ในปี 2015 เพื่อสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กและตลาดอีคอมเมิร์ซที่กำลังเติบโต แต่การเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายของสหรัฐในยุคทรัมป์ โดยเฉพาะการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ได้ทำให้บริษัทอีคอมเมิร์ซสัญชาติจีนอย่าง Shein และ Temu ใช้โมเดล direct-to-consumer ส่งสินค้าตรงสู่ผู้บริโภคอเมริกันมากขึ้น จนจำนวนพัสดุที่ใช้สิทธินี้พุ่งสูงเกือบ 10 เท่า จาก 139 ล้านชิ้นในปีงบประมาณ 2015 เป็น 1.36 พันล้านชิ้นในปีงบประมาณ 2024
CBP ยืนยันว่า การจัดเก็บภาษีเต็มรูปแบบจะมีผลกับทุกพัสดุ ไม่ว่าจะถูกส่งผ่านผู้ให้บริการขนส่งรายใหญ่ เช่น FedEx, UPS หรือ DHL โดยบริษัทเหล่านี้จะเป็นผู้รับผิดชอบในการเรียกเก็บภาษีและจัดทำเอกสารที่เกี่ยวข้องแทนผู้ส่งและผู้รับ