‘ศักดิ์ณรงค์’ เผยตั้งข้อสงสัยรัฐบาลหนุน MOU 43-44 เอื้อกัมพูชา เสี่ยงสูญดินแดน
เมื่อวันที่ 25 ส.ค. ที่พรรคไทยสร้างไทย ดร.ศักดิ์ณรงค์ ศิริพร ณ ราชสีมา รองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย แสดงความเห็นต่อกรณีที่พรรคเพื่อไทยได้ออกมาแถลงข่าวสนับสนุนบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) 43 และ 44 เป็นสัญญาณชัดเจน ว่า รัฐบาลต้องการที่จะหลีกเลี่ยงการสร้างความไม่พอใจกับกัมพูชา ทั้งที่ในอดีตที่ผ่านมาร่วม 25 ปี ไทยเป็นฝ่ายเสียเปรียบมาโดยตลอด ซึ่งกัมพูชาได้มีการละเมิดข้อตกลงตามบันทึกความเข้าใจ เอ็มโอยู 43 มาแล้วหลายร้อยครั้ง และฝ่ายไทยก็ได้มีการประท้วงไปอย่างเป็นทางการนับร้อยครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผล ฝ่ายกัมพูชายังคงยึดแนวเขตพื้นที่ตามแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ขณะที่ไทยยึดแผนที่มาตราส่วนสากล 1:50,000 นอกจากนั้นในส่วนของเอ็มโอยู 44 ก็มีข้อมูลปรากฏอย่างชัดเจนว่า หากไทยยอมที่จะใช้ข้อมูลและเอกสารประกอบแนบท้ายบันทึกฯ ก็จะเข้าไปอยู่ในกับดักของกัมพูชา ที่มีการวางแผนไว้แล้วตั้งแต่ต้น มีความเสี่ยงที่จะสูญเสียบูรณภาพแห่งดินแดน ซึ่งไม่เป็นไปตามพระบรมราชโองการ ที่ประเทศไทยได้มีการประกาศเขตไหล่ทวีปไว้อย่างเป็นทางการ ตามหลักสากล เมื่อปี 2516
ดร.ศักดิ์ณรงค์ กล่าวอีกว่า การออกมาแสดงท่าทีสนับสนุนอย่างเป็นทางการของพรรคเพื่อไทย ยิ่งทำให้เห็นชัดว่า การล่มการประชุมสภา เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่ใช่แค่เพียงความผิดพลาดด้านการสื่อสารเท่านั้น แต่ยังเป็นการจงใจที่จะไม่ให้มีการอภิปรายในเรื่องเอ็มโอยู 43 และ 44 จนทำให้เกิดข้อสงสัยว่า รัฐบาลอาจพยายามหลีกเลี่ยงการสร้างความไม่สบายใจให้กับผู้นำกัมพูชา ทั้งที่การขับเคลื่อนในประเด็นดังกล่าวได้สะท้อนให้เห็นถึงอำนาจอธิปไตยของไทยที่ประชาชนมีส่วนร่วม และเป็นการแสดงออกถึงการไม่เกรงกลัวต่อแรงกดดันหรือคำขู่ใด ๆ จากประเทศเพื่อนบ้าน
ดร.ศักดิ์ณรงค์ กล่าวอีกว่า ได้แสดงความเสียใจต่อประชาชน โดยเฉพาะพี่น้องในภาคอีสานที่ต้องเผชิญกับความเดือดร้อนอันเนื่องมาจากสถานการณ์ชายแดน บางส่วนต้องละทิ้งถิ่นฐานเพื่อความปลอดภัย ทรัพย์สินเสียหาย เสียชีวิต ขณะที่รัฐบาลกลับเพิกเฉย ไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างจริงจังและทันท่วงที ทั้งในมิติความมั่นคงและการช่วยเหลือประชาชน นอกจากนั้น ยังไม่เคยได้ยินว่าจะออกมาขอโทษต่อประชาชน และแสดงความรับผิดชอบแต่อย่างใด ซึ่งผลลัพธ์ที่เห็นอยู่ก็คือ มาตรการเยียวยาที่ไม่เพียงล่าช้า แต่ยังสะท้อนถึงการทำงานที่ด้อยประสิทธิภาพ ไม่ทันกับสถานการณ์ และท่าทีของรัฐบาลที่ดูเหมือนจะเลือกประนีประนอมกับกัมพูชาอย่างออกนอกหน้า
ดร.ศักดิ์ณรงค์ กล่าวอีกว่า ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะต้องออกมาชี้แจงต่อสาธารณชนให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้นสังคมไทยจะเข้าใจได้ว่า มีผลประโยชน์แอบแฝงหรือข้อตกลงลับอื่นใดระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศหรือไม่ เพราะหากยังคงปล่อยให้สถานการณ์ยังคงดำเนินอยู่ต่อไปโดยไร้ท่าทีที่ชัดเจนเช่นนี้ ย่อมเสี่ยงต่อการเปิดช่องให้อำนาจจากภายนอกเข้ามามีบทบาทแทรกแซง และอาจบานปลายกลายเป็นความรุนแรงที่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศได้ในอนาคต