ซีอีโอ ‘OpenAI’ เตือน ตลาด ‘AI’ เสี่ยงเกิดภาวะ ‘ฟองสบู่’ เหมือนยุค ‘ดอทคอม’ ที่ตลาดหุ้นร่วงเกือบ 80%
ทาง Positioning พึ่งรวม 10 เศรษฐีระดับพันล้านเหรียญ ที่แจ้งเกิดด้วย AI ไปหมาด ๆ ล่าสุด แซม อัลต์แมน (Sam Altman) ซีอีโอของ OpenAI ก็ออกมาเตือนว่าตอนนี้อาจเกิด ฟองสบู่ ในตลาดปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพราะนักลงทุนอาจ ตื่นเต้น กับ AI มากเกินไป ทั้งที่หลายบริษัทยังสร้างรายได้ไม่ได้จริง
ส่อง 10 ‘เศรษฐีพันล้าน’ ที่แจ้งเกิดจากยุคทองของ ‘AI’
แซม อัลต์แมน ได้แสดงความคิดเห็นว่า ต้องยอมรับว่าเทคโนโลยี AI คือหนึ่งในสิ่งสำคัญ ที่เกิดขึ้นในรอบหลายปี แต่ในขณะเดียวกัน นักลงทุนเองกำลังตื่นเต้นกับ AI เกินไป โดยเขายังเปรียบเทียบกระแสการลงทุน AI ตอนนี้กับ ฟองสบู่ดอทคอม (dot-com bubble) ช่วงปลายยุค 1990 ที่นักลงทุนแห่ลงทุนในหุ้นบริษัทอินเทอร์เน็ต แต่เนื่องจากหลายบริษัทไม่สามารถสร้างรายได้ได้จริง ส่งผลให้ในช่วงระหว่างปี 2000–2002 ดัชนี Nasdaq ร่วงลงเกือบ 80%
ไม่ใช่แค่ความเห็นของอัลต์แมนเท่านั้น แต่มีเสียงเตือนจากนักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญหลายราย เช่น โจ ไช่ (Joe Tsai) ผู้ร่วมก่อตั้ง Alibaba, เรย์ ดาลิโอ (Ray Dalio) แห่ง Bridgewater Associates และ ทอร์สเทน สลอค (Torsten Slok) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Apollo Global Management เคยระบุเมื่อเดือนก่อนว่า ฟองสบู่ AI ตอนนี้ใหญ่กว่าฟองสบู่ดอทคอม โดยหุ้น 10 บริษัทใหญ่สุดในดัชนี S&P 500 มีการประเมินมูลค่าสูงเกินจริงยิ่งกว่าช่วงปี 1990
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่เห็นด้วย เช่น เรย์ หวัง (Ray Wang) นักวิเคราะห์จาก Futurum Group ให้ความเห็นว่า พื้นฐานของซัพพลายเชนและตลาดเซมิคอนดักเตอร์ยังแข็งแรง และการลงทุนระยะยาวด้าน AI ยังมีเหตุผลรองรับ เพียงแต่ยอมรับว่ามีการ เก็งกำไรซึ่งอาจก่อให้เกิดจุดฟองสบู่เฉพาะกลุ่ม
ทั้งนี้ กระแส ฟองสบู่ AIถูกพูดถึงมากขึ้น หลังจากการถือกำเนิดของ DeepSeekสตาร์ทอัพจีนที่เปิดตัวโมเดล AI ซึ่งอ้างว่าใช้งบพัฒนาไม่ถึง 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งน้อยกว่าที่บริษัทยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ ลงทุนไปหลายพันล้านดอลลาร์ แม้คำอ้างนี้จะถูกตั้งคำถามอยู่บ้าง
ด้าน OpenAI เอง แม้มีรายได้ประจำต่อปีที่คาดว่าจะทะลุ 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปีนี้ แต่ก็ยังไม่มีกำไร อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อ OpenAI ยังแข็งแกร่ง โดยล่าสุด บริษัทเตรียมขายหุ้นมูลค่า 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในดีลรอง (secondary sale) ซึ่งจะทำให้บริษัทมีมูลค่ารวมราว 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากที่เมื่อต้นปีเพิ่งปิดการระดมทุน 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้มูลค่าบริษัททะยานถึง 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ อัลต์แมนยังเผยว่า OpenAI กำลังขยายสู่ ฮาร์ดแวร์สำหรับผู้บริโภค, Brain-Computer Interface และโซเชียลมีเดีย พร้อมคาดว่าจะใช้เงินหลายล้านล้านดอลลาร์ ในการสร้าง Data center ในอนาคตอันใกล้ และยังแย้มความสนใจที่จะซื้อ Chrome หากรัฐบาลสหรัฐฯ บังคับให้ Google ต้องขายออกมา
ทั้งนี้ Bloomberg เคยประเมินว่าบริษัท AI ขนาดใหญ่ที่สุด 4 แห่ง ได้สร้างเศรษฐีพันล้านอย่างน้อย 15 คน ซึ่งมีสินทรัพย์สุทธิรวมกันกว่า 3.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.23 ล้านล้านบาท) และตั้งแต่การมาของ AI ก็มีสตาร์ทอัพยูนิคอร์นเพิ่มขึ้นมาอีกกว่าสิบแห่ง
Source