ตลาดหุ้นเอเชียเปิดสัปดาห์สะดุด เทคฯ ญี่ปุ่นร่วง - AI จีนหนุนหุ้นพุ่งแรง
ตลาดหุ้นเอเชียเปิดสัปดาห์ด้วยบรรยากาศที่ไม่สดใสนัก ท่ามกลางแรงขายทำกำไรในหุ้นเทคโนโลยีญี่ปุ่น โดยเฉพาะกลุ่มชิปที่เคยพุ่งแรงก่อนหน้านี้ ด้านดัชนีนิกเกอิร่วงลงถึง 1.6% หลังหุ้น Advantest ทรุดตัวกว่า 9% จากแรงเทขายหลังปรับขึ้นเกือบ 50% ในรอบ 3 เดือน ส่วนตลาดหุ้นเกาหลีใต้ก็อ่อนตัว 0.7% ขณะที่ตลาดอินโดนีเซียสูญเสียความเชื่อมั่น ร่วง 1.5% หลังเผชิญแรงกดดันทางการเมืองและการประท้วงที่บีบให้ธนาคารกลางต้องเข้ามาพยุงค่าเงินรูเปียห์
อย่างไรก็ดี จีนกลับยังคงยืนได้อย่างแข็งแกร่ง โดยดัชนีหุ้นบลูชิพเพิ่มขึ้นอีก 0.4% หลังตลอดเดือนสิงหาคมพุ่งขึ้นถึง 10% สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อสภาพคล่องในตลาดและการเติบโตของธุรกิจปัญญาประดิษฐ์ (AI) ขณะเดียวกัน หุ้น Alibaba ที่ตลาดฮ่องกงทะยานขึ้นเกือบ 19% มากที่สุดตั้งแต่ต้นปี 2022 ตามกระแสความคาดหวังต่อธุรกิจคลาวด์ และข่าวที่บริษัท DeepSeek หันมาใช้ชิปของ Huawei ในการฝึกโมเดล AI ยิ่งช่วยตอกย้ำภาพบวกของตลาดจีน
ในภาพรวม MSCI Asia-Pacific (ไม่นับญี่ปุ่น) ยังคงบวกต่อเนื่อง 0.4% ทำจุดสูงสุดในรอบ 4 ปีเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยได้แรงหนุนจากจีนเป็นหลัก สอดคล้องกับข้อมูลดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของ S&P Global ที่ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 50.5 ในเดือนสิงหาคม สูงกว่าคาดและเหนือระดับเส้นแบ่ง 50 แสดงถึงการกลับมาขยายตัวของเศรษฐกิจจีน
ขณะที่ฝั่งตะวันตก การซื้อขายค่อนข้างเบาบางเนื่องจากตลาดสหรัฐฯ ปิดทำการวันหยุด แต่ฟิวเจอร์สวอลล์สตรีทและยุโรปขยับเพียงเล็กน้อย โดย S&P 500 และ Nasdaq Futures ลดลง 0.1% ขณะที่ EUROSTOXX 50 เพิ่ม 0.1% และ DAX Futures ขยับขึ้น 0.1% เช่นกัน
นักลงทุนทั่วโลกกำลังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชุดใหญ่ในสัปดาห์นี้ ทั้งภาคการผลิต บริการ และโดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงานเดือนสิงหาคมที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 75,000 ตำแหน่ง แต่ยังมีความไม่แน่นอนสูงเนื่องจากตัวเลขเดือนกรกฎาคมออกมาอ่อนแอเกินคาด อัตราว่างงานมีแนวโน้มขยับขึ้นแตะ 4.3% หากข้อมูลอ่อนแรงอีกครั้ง ก็จะเป็นแรงหนุนความเชื่อมั่นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะตัดสินใจลดดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 17 กันยายนนี้ ซึ่งตลาดให้โอกาสถึง 90% แล้ว
ไมเคิล เฟโรลี หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์สหรัฐฯ ของ JPMorgan ชี้ว่า แม้อัตราเงินเฟ้อและการเติบโตทางเศรษฐกิจยังไม่บังคับให้เฟดต้องรีบลดดอกเบี้ย แต่หากการจ้างงานยังชะลอตัวแรงก็แทบจะหยุดไม่อยู่ ทั้งยังสอดคล้องกับแรงกดดันทางการเมืองที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เดินหน้ากดดันเฟดอย่างหนักในช่วงนี้
ประเด็นนโยบายภาษีของทรัมป์ก็เป็นอีกแรงกดดันต่อตลาดโลก หลังศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ มีคำตัดสินว่ามาตรการเก็บภาษีศุลกากรในวงกว้างหลายรายการผิดกฎหมาย แม้ยังให้มีผลบังคับใช้ต่อไปจนถึงกลางเดือนตุลาคมเพื่อรอคำตัดสินจากศาลสูงสุด สถานการณ์นี้สร้างความไม่แน่นอนต่อการเจรจาการค้ากับประเทศคู่ค้าอย่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ขณะที่มีการประเมินว่าหากคำตัดสินสุดท้ายไม่เป็นคุณต่อรัฐบาล ทรัมป์อาจต้องคืนเงินภาษีศุลกากรกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ที่เก็บมาในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา
ในตลาดการเงิน ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงต่อเนื่อง โดยดัชนีค่าเงินอยู่ที่ 97.791 หลังเดือนที่แล้วร่วงไปแล้วกว่า 2.2% ยูโรปรับขึ้น 0.3% อยู่ที่ 1.1710 ดอลลาร์ ส่วนเยนแข็งค่าที่ระดับ 146.93 ต่อดอลลาร์ ภาพดังกล่าวหนุนให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนที่ 3,481 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังบวกเพิ่มขึ้นอีก 1% ในวันนี้ ขณะที่ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากความคาดหวังการเพิ่มกำลังการผลิตของ OPEC+ โดยเบรนท์ลดลง 0.4% เหลือ 67.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และน้ำมันดิบสหรัฐฯ ลดลง 0.4% อยู่ที่ 63.78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล