“ลาออก-ยุบสภาฯ” ทางเลือกรีเซ็ตการเมือง?
วันนี้ (13 ส.ค.2568) รศ.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผอ.หลักสูตรการเมืองฯ สถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์ (นิด้า) ให้สัมภาษณ์รายการมุมการเมือง ไทยพีบีเอส
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จะชิงลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย
รศ.พิชายกล่าวว่า เป็นไปได้ค่อนข้างสูง ในแง่การตัดสินใจลาออก หากเขารู้ข้อมูลผลลัพธ์ว่าจะเป็นลบ การลาออกก่อนจะสร้างผลดีต่อตัวเขาเอง เพราะจะทำให้ศาลต้องจำหน่ายคดีไป เพราะไม่มีตำแหน่งให้ต้องพิจารณา ส่งผลให้แพทองธารยังไม่มีมลทิน ในเรื่องละเมิดจริยธรรม ไม่มีข้อบกพร่องในคุณสมบัติ เพราะไม่ได้ถูกตัดสินผิดหรือถูก เขาจะยังสามารถเล่นการเมืองต่อไปและเป็นแคนดิเดตนายกฯ ต่อไปได้
แต่หากประเมินแล้วว่า ผลลัพธ์จะเป็นบวกก็คงไม่ลาออก แต่อะไรจะทำให้เขาประเมินได้ ก็ต้องเป็นข้อมูลข่าวสารและการจัดการทางการเมือง สมมุติว่าสัปดาห์นี้มีข้อมูลว่า โอกาสที่จะไม่รอดสูงกว่ารอดนั้น มันคงมีการเคลื่อนไหวอย่างหนัก เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์จากลบให้เป็นบวก หากสำเร็จก็ไม่ลาออก แต่หากไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ก็มีโอกาสลาออก
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าไปถามแกนนำรัฐบาลหลายคน ยืนยันว่ายังไงนายกฯ ก็ไม่ลาออก หมายความว่า เขามั่นใจหรือเปล่า
รศ.พิชายกล่าวว่า ผมคิดว่าเป็นการพูดต่อสาธารณะ ซึ่งอย่างไรก็ต้องแสดงความมั่นใจว่า ตนไม่ผิดและบริสุทธิ์ เป็นธรรมดาของนักการเมืองทั่วไป ไม่ว่าสถานการณ์จะแย่ปานไหนก็ต้องบอกไว้ก่อนว่า จะไม่ได้รับผลกระทบ
กรณีนายเศรษฐา ทวีสิน ก็แสดงความมั่นใจจนนาทีสุดท้าย จนกระทั่งแพ้หวุดหวิดต้องออกจากตำแหน่งไป เหมือนกรณีนี้ที่เขามั่นใจ ผมก็ว่าเขายังไม่รู้ว่าผลลัพธ์จะออกมาหน้าไหน คงต้องเคลื่อนไหวกันต่อ
เมื่อถามว่า จะไปถึงขั้นยุบสภาฯ เลือกตั้งใหม่หลังการผ่านกฎหมายงบประมาณหรือไม่
รศ.พิชายกล่าวว่า คิดว่ายัง การยุบสภาฯ จะมี 2 จังหวะ หากกฎหมายงบฯ ผ่านแล้ว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากความเป็นนายกฯ เขาก็ต้องผลักดันนายชัยเกษม นิติสิริ ขึ้นมากุมอำนาจต่อสักระยะหนึ่ง แต่ถ้าเขาล้มเหลวในการผลักดันนายชัยเกษม แบบนี้จะเป็นช่องว่างสำคัญ เพราะหากนายชัยเกษมล้มเหลว มันจะมี 2 สถานการณ์สถานการณ์แรกคือ การเสนอนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และสถานการณ์ที่สองคือ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี ชิงยุบสภา ทั้งสองสถานการณ์จะมีเงื่อนไขและข้อติดขัดทั้งคู่ หากสถานการณ์แรกนายอนุทิน ได้เป็นนายกฯ หมายความว่า ต้องเจรจาตกลงกับพรรคประชาชนอย่างชัดเจน และต้องยอมรับเงื่อนไขพรรคประชาชน การยุบสภาฯ ก็จะเกิดขึ้นในปลายปีนี้ เพราะนายอนุทินจะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย
ถ้านายภูมิธรรมชิงยุบสภาฯ ก็จะเกิดคำถามว่า ภูมิธรรมมีอำนาจในการยุบสภาฯ หรือเปล่า ต้องถกเถียงกันต่อ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้นปี 2569 จะมีการเลือกตั้งหรือไม่
รศ.พิชายกล่าวว่า อย่างช้าน่าจะไม่เกินไตรมาสแรกของปี 2569 เพราะการยุบสภาฯ มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นในปลายปีนี้สูงมาก ไม่ว่าใครจะมาเป็นนายกฯ ก็ตาม
รายงาน : อุรชัย ศรแก้ว ผู้สื่อข่าวการเมือง ไทยพีบีเอส
อ่านข่าว : ปชช.ทยอยเดินทางเข้า กทม. หลังหยุดยาววันแม่
"ศาลจังหวัดมุกดาหาร" อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ “คดีน้องชมพู่” วันนี้