โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

นักเศรษฐศาสตร์ 3 ค่าย มองนโยบายการเงินหลัง ‘ภาษีทรัมป์ 19%’

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

หลังจากการเจรจาการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐได้ข้อสรุปออกมาแล้ว โดยไทยจะถูกเรียกเก็บภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ที่ 19% ใกล้เคียงกับประเทศคู่แข่งขันในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งต้องจับตาต่อไปว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 13 ส.ค.นี้ จะตัดสินใจกำหนดทิศทางนโยบายการเงินอย่างไร โดยการประชุมรอบนี้ กรรมการ กนง.จะทำหน้าที่ 6 ราย

เนื่องจากมีกรรมการลาออกก่อนครบวาระไป 1 ราย คือนายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส ส่วนกรรมการที่ตั้งแทนเข้ามาใหม่คือ ดร.เชาว์ เก่งชน ซึ่งจะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ กนง.ตั้งแต่วันที่ 2 ก.ย. 2568 เป็นต้นไป หรือจะมีส่วนพิจารณานโยบายการเงินเพียง 2 รอบการประชุมในปี 2568 นี้

ชี้ลดดอกเบี้ยทันทีหนุนแรงส่งเศรษฐกิจ

ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) มองว่า กนง.จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในรอบนี้เลย เพราะอย่างนั้นจะเหลือแค่รอบเดือน ต.ค. และ ธ.ค. อาจจะต้องลดดอกเบี้ย 2 ครั้งติด รวมถึงปี 2569 จะต้องลดต่ออีก 1 ครั้ง เพราะจะต้องสร้างแรงส่งทางเศรษฐกิจ โดยหากดูจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดการณ์อัตราขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปี 2569 ที่ 1.7% แปลว่าเศรษฐกิจปีหน้าเติบโตต่ำ โดยเฉพาะครึ่งแรกของปี จึงต้องมีแรงส่งจากการลดดอกเบี้ย

“รอบนี้ผล Tariffs 19% มีความชัดเจนแล้ว รอบนี้ก็น่าจะลดดอกเบี้ยได้ เพราะเงินเฟ้อต่ำ เศรษฐกิจฟื้นช้า แต่ถ้าไม่ลดรอบนี้ กนง.จะให้เหตุผลเดิม คือเก็บขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายไว้ เก็บไว้ใช้ในยามจำเป็น หรือใช้เครื่องมืออื่น แต่สุดท้ายเชื่อว่าจะลดดอกเบี้ย ส่วนการประชุมเดือน ต.ค. ผมว่าน่าสนใจ เพราะว่ากรรมการ กนง.จะเปลี่ยน 2 ท่าน ซึ่งจะต้องติดตามดูว่าจะถกประเด็นอะไรเพิ่มเติม”

อย่างไรก็ดี การปรับลดดอกเบี้ยอาจไม่ได้ช่วยให้สินเชื่อขยายตัว เพราะธนาคารยังระมัดระวังเรื่องเครดิต โดยมีความเสี่ยงสินเชื่อติดลบ โดยเฉพาะสินเชื่อเอสเอ็มอี เพราะความเสี่ยงสูง ส่วนสินเชื่อบ้านและรถยังคงหดตัว ทั้งนี้ หากถามว่าลดดอกเบี้ยช่วยอะไร มองว่าช่วย 2 อย่างคือ ทางตรง สำหรับคนที่มีหนี้อยู่แล้ว ช่วยคนที่มีภาระลดลง ผ่อนได้เร็วขึ้น และมีเงินเหลือไปใช้อย่างอื่น แต่ต้องมอนิเตอร์การส่งผ่านนโยบายการเงิน

และทางอ้อมคือ อัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งปัจจุบันเงินบาทแข็งค่า ไม่ดีต่อผู้ส่งออก ไม่ดีต่อภาคธุรกิจ แต่เรื่องค่าเงินบาทจะต้องพูดคุยใน กนง.ให้ชัด เพราะไม่อยากให้เป็นการบิดเบือนค่าเงิน แต่จะทำอย่างไรให้ไปในทิศทางเดียวกับเพื่อนบ้าน โดยเมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา เงินบาทเทียบดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 1.4% ภายในวันเดียว ซึ่งไม่ปกติ ผันผวนมาก กระทบขีดความสามารถในการแข่งขัน

โดยค่าเงินบาทเชื่อมโยงกับราคาทองคำ ซึ่งเรื่องนี้ ธปท.กำลังดูอยู่ คาดว่าในอนาคตน่าจะมีนโยบายออกมา เช่น ผู้ส่งออกทองคำ อาจจะให้กลุ่มนี้ถือเงินดอลลาร์เลย ไม่ต้องแลกเป็นเงินบาท หรือสนับสนุนผู้ที่เทรดทองคำซื้อขายเป็นดอลลาร์ และมีบัญชีเงินฝากสกุลเงินตราต่างประเทศ (FCD) พักเงิน และให้ดอกเบี้ย ซึ่งน่าจะช่วยลดความผันผวนได้

“เราต้องเริ่มคุยมาตรการทางการเงิน นอกจากดอกเบี้ยแล้ว เพราะเราติดกับดัก Policy Space แต่หากคิดนอกกรอบ จะมีอะไรทำที่นอกจากดอกเบี้ย เช่น จะทำอย่างไรที่จะปล่อยสินเชื่อให้มากขึ้น จะตั้ง Bad Bank, Good Bank เอาหนี้เสียออกไป จะเสริมสภาพคล่องให้แบงก์ สร้างแรงจูงใจปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอี หรือดูเรื่องของ FX หรืออื่น ๆ เพราะถ้าดูดอกเบี้ยอย่างเดียวมันมีขีดจำกัดแล้ว ซึ่งดอกเบี้ยช่วงโควิด Bottom ที่ 0.50% แต่รอบนี้เรามองดอกเบี้ยไปแค่ 1.00-1.25% เพราะไม่ได้วิกฤตขนาดนั้น”

โอกาสคงดอกเบี้ยรอบนี้มีสูง

นายบุรินทร์ อดุลวัฒนะ กรรมการผู้จัดการ และ Chief Economist บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่า รอบนี้ กนง.น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.75% ต่อปี เพราะเชื่อว่า กนง.มองเศรษฐกิจไม่ได้ปรับตัวแย่และยังไปได้ โดยจีดีพีในไตรมาส 2 น่าจะออกมาใกล้เคียง 3% และผลการเจรจาภาษีกับสหรัฐออกมาดีกว่าคาด ทำให้ กนง.จะคงดอกเบี้ยไว้ก่อน ซึ่งคาดว่าจะไปปรับลดดอกเบี้ยลง 1-2 ครั้ง ในเดือน ต.ค. และ ธ.ค.ปีนี้ ภายใต้ผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่

“เรามองว่ารอบนี้น่าจะคงดอกเบี้ยไปก่อน เพราะตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 2 ออกมาดี และ Tariffs ออกมา 19% ก็ดีกว่าคาด แต่หลังจากนั้นมีโอกาสลดได้ 1-2 ครั้ง โดยไม่ต้องรอสัญญาณ Negative แม้ว่าจีดีพีมาไม่ได้ติดลบ แต่โตชะลอ นักท่องเที่ยวหดตัว และตลาดแรงงานจะเป็นความเสี่ยงที่ต้องติดตามหลังจากเกิดเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา”

กังขาประสิทธิผลลดดอกเบี้ย

นายเมธัส รัตนซ้อน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ หรือ TISCO ESU ประเมินว่า กนง.จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1.75% โดยมีเหตุผล 3 ข้อหลักคือ 1.ผลการเจรจาภาษีสินค้ากับสหรัฐออกมา 19% ใกล้เคียงที่ กนง.ประเมินไว้ 18% 2.เศรษฐกิจครึ่งปีแรกออกมาดูดี และยังไม่ได้รับผลกระทบจาก Tariffs และ 3.การรักษาขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงิน (Policy Space) หลังจาก กนง.ปรับลดดอกเบี้ยไปแล้ว 3 ครั้ง เพื่อรองรับความเสี่ยงในระยะข้างหน้า หลัง Tariffs มีผลแล้ว

ส่วนการประชุม 2 ครั้งสุดท้าย มองว่า กนง.จะเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงิน เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจแย่ลงกว่าปัจจุบันพอสมควร ส่วนหนึ่งมาจากภาคการส่งออกที่จะโดนอัตราภาษี 19% โดยหลังจากนี้จะเริ่มเห็นการหดตัวของการส่งออก ส่งผลต่อเนื่องไปยังภาคการผลิตที่จะปรับลดลง และจะกระทบไปสู่การเลิกจ้างงานในภาคการผลิต สะท้อนได้จากตัวเลขตลาดแรงงานในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ตัวเลขผู้รับสิทธิว่างงาน (ม.38) เป็นแรงงานที่ตกงานแล้วเฉลี่ยเพิ่มขึ้นกว่า 5% และคาดว่าภายใน 3 เดือนข้างหน้าตัวเลขจะเพิ่มสูงขึ้นอีก

“คาดว่า กนง.จะลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ และอีก 1-2 ครั้งในปีหน้า โดย กนง.จะต้องมีการสื่อสารให้ชัดเจนว่าทิศทางนโยบายเป็นอย่างไร เพราะหากดูประสิทธิผลของการลดดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา กนง.ลดดอกเบี้ย 0.25% แต่ธนาคารลดเพียง 0.05% ส่งผ่านเพียง 1 ใน 5 ดังนั้น ต้องกลับมาดูประสิทธิผลด้วย”

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : นักเศรษฐศาสตร์ 3 ค่าย มองนโยบายการเงินหลัง ‘ภาษีทรัมป์ 19%’

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ประชาชาติธุรกิจ

‘มาริษ'ลงพื้นที่จ.สุรินทร์เห็นภาพการโจมตีของกัมพูชาชัดขึ้น เตรียมชี้แจ้งต่อนานาชาติ

14 นาทีที่แล้ว

ศูนย์ฯ สิริกิติ์ ชวนสายวิ่งชิมอาหารเติมพลัง แพทย์แนะโภชนาการถูกหลัก

37 นาทีที่แล้ว

ภูมิธรรมเยี่ยมชาวพนมดงรัก สั่งสธ.ดูแลจิตใจ ย้ำหลักฐานชัดพลเมืองไทยถูกละเมิดจาก รบ.กัมพูชา

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เจาะอินไซต์ขนส่ง ตปท. ไปรษณีย์ไทย 'จีน' Top 5 ประเทศปลายทาง

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความหุ้น การลงทุนอื่น ๆ

คืบ ‘หุ้น MORE’ ศาลไม่ให้ประกันตัว 28 ราย คดีประวัติศาสตร์

กรุงเทพธุรกิจ

SPRC เผยผลงาน Q2/68 โตแกร่ง รับส่วนต่างราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น ลุยจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.15 บ./หุ้น

The Better

WHAUP โชว์รายได้ครึ่งปีแรก 68 แตะ 1,898 ลบ. กำไรปกติแตะ 460 ลบ.

The Better

ส่องพอร์ต BTS เพิ่มถือหุ้น TBN ขึ้นแท่นหุ้นใหญ่อันดับ 4 พบดอดซื้อราคาใกล้ Book Value

Share2Trade

คลังเร่งหาช่องเปิดทางตั้ง AMC ครอบคลุมนอนแบงก์หนุนปล่อยกู้เพิ่ม-ลดหนี้ครัวเรือน

ประชาชาติธุรกิจ

ราคา ETH ทะยานเหนือ 4,100 ดอลลาร์ เปิดแรงหนุน Altcoin Season

การเงินธนาคาร

คปภ. เร่งหารือสมาคม-ธุรกิจประกัน ตีความเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัย

The Bangkok Insight

GULF เผยกำไร Q2/68 แตะ 7,101 ลบ. รับธุรกิจพลังงาน-ส่วนแบ่งกำไร AIS - INTUCH

The Better

ข่าวและบทความยอดนิยม

นักเศรษฐศาสตร์ 3 ค่าย มองนโยบายการเงินหลัง ‘ภาษีทรัมป์ 19%’

ประชาชาติธุรกิจ

บีวายดี เปิดตัว SEAL 5 DM-i ราคาพิเศษ 699,900 บาท ซื้อก่อน 30 ก.ย. 68

ประชาชาติธุรกิจ

ภูมิธรรม เล็งเว้นค่าน้ำไฟ-น้ำ ให้ชาวบ้านพื้นที่ปะทะ กำชับพากลับบ้านเร็วที่สุด

ประชาชาติธุรกิจ
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...