หุ้นจีนยังน่าลงทุนไหม? เมื่อ AI ของ Jitta Wealth ล็อกเป้า ‘จีน’ ตลาดดาวรุ่งครึ่งปีหลัง
แม้ครึ่งปีแรกของ 2568 ตลาดการเงินทั่วโลกจะผันผวนหนักจากทั้งสงคราม ภาษีทรัมป์ ไปจนถึงเงินเฟ้อที่ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่ในวันที่ความกลัวเริ่มซา ‘ความหวัง’ ก็เริ่มกลับมา โดยเฉพาะ ‘ตลาดหุ้นจีน’ ที่กำลังกลายเป็นดาวเด่นในสายตานักลงทุนระดับโลกอีกครั้ง
‘ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์’ CEO ของ Jitta Wealth มองว่า สถานการณ์เริ่มเปลี่ยนไปหลังทรัมป์ประกาศเลื่อนเก็บภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ออกไปอีก 90 วัน
แม้ยังมีความเสี่ยงจากภาษีกับ EU และเม็กซิโก รวมถึงสงครามในตะวันออกกลาง แต่ตลาดทุนกลับเริ่มตั้งหลักได้ แถมยังมีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามาเสริม หนึ่งในตลาดที่เริ่มโดดเด่นขึ้นมา คือ ‘จีน’
[ หุ้นจีน = หุ้นดีราคาถูกที่กำลังขึ้น ]
Jitta Wealth เปิดเผยว่า หุ้นจีนวันนี้มีความพิเศษ 3 ชั้น
• ราคาถูก (Valuation ต่ำ)
• พื้นฐานดี (Quality หุ้นดีที่กำไรโต)
• เริ่มเห็นสัญญาณฟื้น (Positive Return YTD)
ข้อมูลล่าสุดจาก AI Market Prediction ของ Jitta Wealth ระบุว่า หุ้นจีนมีอัตราส่วนหุ้นดีราคาถูกต่อหุ้นแพงอยู่ที่ 15.6 เท่า ขณะที่ตลาดสหรัฐฯ เหลือเพียง 0.61 เท่า เท่ากับว่าหุ้นจีนวันนี้ ‘ถูกกว่าและมีโอกาสฟื้น’ มากกว่าหลายตลาดสำคัญ
[ Core & Satellite พา DCA ฝ่าวิกฤต ]
สูตรการลงทุนหลักของ Jitta Wealth ยังยึดแนวทาง Core & Satellite ที่ช่วยให้พอร์ตฝ่าวิกฤต Trump Tariffs มาได้อย่างมั่นคง
• Core Port (80%): ลง Global ETF กระจายในหุ้นสหรัฐฯ 56%, หุ้นกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว 16%, หุ้นตลาดเกิดใหม่ 8% และตราสารหนี้ 20% ผลตอบแทนเฉลี่ย 8% ต่อปี
• Satellite Port (20%): ลงพอร์ตพิเศษตามธีม เช่น หุ้นจีน เทคฯ เวียดนาม ญี่ปุ่น ฮ่องกง ฯลฯ ด้วยการคัดเลือกของ AI Jitta Ranking
จากสถิติ วันที่ตลาดผันผวนหนัก Jitta Core Portfolio ยังทำผลตอบแทน +3.49% (YTD ณ วันที่ 14 ก.ค. 2568) ขณะที่พอร์ตธีมหุ้นจีนหลายตัวให้ผลตอบแทนสูงกว่า 20%
[ หุ้นจีนฟื้นจริงมั้ย? ดูกราฟนี้แล้วรู้เลย ]
ธีมการลงทุน ผลตอบแทน YTD (%) บริการสุขภาพจีน +29.34% พลังงานสะอาดจีน +26.19% ตลาดหุ้นจีน +23.16% หุ้นฮ่องกง +22.50% เทคโนโลยีจีน +19.26%
ข้อมูลนี้คือ Thematic Portfolio ของ Jitta Wealth ที่ใช้ AI วิเคราะห์และจัดพอร์ตอย่างเป็นระบบ เท่ากับว่าใครที่จัดพอร์ตตามนี้ตั้งแต่ต้นปีก็แทบจะการันตีบวกแน่นอน
[ 4 ปัจจัยหนุนตลาดหุ้นจีนต่อจากนี้ ]
1. GDP โตเฉลี่ย 5.5% ต่อปี สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลก
2. รัฐบาลมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่
3. ประชาชนเริ่มหันจากการออมในอสังหาฯ มาสู่การลงทุนในตลาดหุ้น
4. จีนเป็นคู่แข่งหลักของสหรัฐฯ ในทุกเวที ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง และเทคโนโลยี
จีนกำลังผลักดันนโยบายที่ทำให้คนใช้เงินมากขึ้น และตลาดทุนมีบทบาทในการหมุนเศรษฐกิจ เท่ากับว่า ‘ตลาดหุ้นจีน’ จะไม่ได้แค่โตเพราะความถูก แต่จะโตจาก ‘การฟื้นตัวจริง’
[ ย้อนกลับมาที่ตลาดหุ้นไทยบ้านเรา ]
แม้จะมีความถูกไม่ต่างจากจีน แต่ Jitta Wealth มองว่า EPS ของไทยปรับขึ้นได้ยากกว่าจากปัจจัยโครงสร้าง ทั้งการเมือง ประชากร และแนวโน้มเศรษฐกิจ แม้จะมีนักลงทุนต่างชาติเริ่มสนใจ เพราะ Dividend Yield ที่เพิ่ม แต่ก็ยังเสี่ยงถ้าเทียบกับตลาดอื่น
[ AI ไม่ได้แค่ช่วยจัดพอร์ต แต่ช่วยตัดอารมณ์ ]
หนึ่งในปัญหาหลักของนักลงทุน คือ การแพนิคขายตอนขาดทุน และกล้าเกินไปตอนพอร์ตบวก Jitta Wealth ใช้ AI เข้ามาช่วยจัดพอร์ตและปรับอัตโนมัติ (Rebalancing) ทำให้ไม่ต้อง ‘คิดเยอะ’ แต่ก็ยังมีประสิทธิภาพในการจัดสรรเงินทุน
โดยเฉพาะพอร์ต Thematic และ Jitta Ranking ที่ช่วยนักลงทุนเลือก ‘ตลาดที่ดีในเวลาที่เหมาะสม’ ได้ แม้จะไม่มีเวลาอ่านข่าวทุกวันก็ตาม
[ AUM โตต่อเนื่อง คงเป้าใหญ่ 1 แสนล้านบาท ]
ในส่วนของธุรกิจ ตอนนี้ Jitta Wealth มี AUM ที่ 15,000 ล้านบาท มีนักลงทุน 68,000 ราย และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 100,000 รายภายในสิ้นปีนี้ จากการลดขั้นต่ำในการลงทุนจาก 10,000 เหลือเพียง 1,000 บาท
แม้กำไรจะยังอยู่แค่ระดับ 1 ล้านบาท (เทียบกับรายได้ 100 ล้านบาท) แต่จุดมุ่งหมายหลักของ Jitta Wealth คือการทำให้คนเข้าถึงการลงทุนที่มีคุณภาพ และตั้งเป้าจะจดทะเบียน IPO ภายใน 3-5 ปี ข้างหน้า พร้อมดัน AUM แตะ 100,000 ล้านบาท
[ ถ้ายังไม่มีหุ้นจีนในพอร์ต… อาจพลาดรอบใหญ่ ]
ตลาดหุ้นจีนกำลังจะเปลี่ยนจาก ‘หุ้นถูก’ เป็น ‘หุ้นที่กำลังจะขึ้น’ และมีแรงหนุนจากทั้งนโยบายรัฐ การกระตุ้นเศรษฐกิจ โอกาสฟื้นของกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเงินไหลกลับจากนักลงทุนทั่วโลก
ถ้ายังไม่มีหุ้นจีนใน Satellite Portfolio นี่อาจเป็น ‘จังหวะเหมาะ’ ที่จะเริ่ม เพราะการลงทุนที่ดีไม่ใช่การ ‘รอให้แน่ใจ’ แต่เป็นการ ‘เริ่มเมื่อคนอื่นยังไม่กล้า’