ททท. ผนึก แอตต้า เจาะ 3 ตลาดศักยภาพจีน เบ่งยอด ‘จีนเที่ยวไทย’ ปี 68 แตะ 5 ล้านคน
นำเสนอสินค้าและบริการคุณภาพ พร้อมเปิดเวทีเจรจาธุรกิจกับพันธมิตรจีน หวังขยายตลาด กระชับความร่วมมือ และส่งเสริมการเดินทางระหว่าง “ไทย-จีน” อย่างเป็นรูปธรรม
ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า นครฉงชิ่ง ถือเป็นเมืองยุทธศาสตร์สำคัญของจีนตะวันตกที่มีศักยภาพสูงทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรม เหมาะสำหรับกิจกรรมโรดโชว์เพื่อส่งเสริมการขายและสร้างความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการไทยและจีน นอกจากนี้การมีส่วนร่วมของ Zhu Mao รองอธิบดีกรมวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวนครฉงชิ่ง ยังสะท้อนความร่วมมือระดับรัฐบาล (G2G) ต่อยอดความเข้าใจระดับประชาชน (P2P) ผ่านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมในรูปแบบ “Two-Way Tourism” หรือการแลกเปลี่ยนด้านการท่องเที่ยว 2 ทางอย่างแท้จริง
ททท. ยังเตรียมโครงการใหญ่ “ไทยแลนด์ ซัมเมอร์ บลาสต์” (Thailand Summer Blast) เพื่อกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวจากจีน โดยร่วมมือกับสายการบินสัญชาติไทยและต่างชาติ จัดเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลต์) การส่งเสริมโปรโมชันร่วมกัน (Joint Promotion) และส่งเสริมกลุ่มประชุมสัมมนาและซัมเมอร์แคมป์ (Summer Camp) ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งกลไกขับเคลื่อนธุรกิจของผู้ประกอบการไทยและจีนอย่างมีพลัง
“จากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ประเทศไทยยังสามารถเดินทางและท่องเที่ยวได้อย่างปกติ ยกเว้นบริเวณที่มีข้อพิพาทซึ่งอยู่ไกลจากสถานที่ท่องเที่ยว ททท.ให้ความสำคัญสูงสุดต่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ขณะนี้หน่วยงานด้านความมั่นคงของภาครัฐได้เข้าควบคุมสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมดำเนินมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวทุกคน”
ททท. เชื่อมั่นว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะไม่เพียงสร้างโอกาสทางธุรกิจ แต่ยังเป็นพลังขับเคลื่อนการเดินทางระหว่างไทย-จีนอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมแบบ Two-Way Tourism ย้ำสถานะประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ ในใจของนักท่องเที่ยวจีน
“โรดโชว์ครั้งนี้คือก้าวสำคัญในการฉลอง 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน พร้อมขยายผลสู่อนาคตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ที่เติบโตบนรากฐานของความเข้าใจและความร่วมมืออย่างแท้จริง”
ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์
ล่าสุดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานสถิติ “นักท่องเที่ยวต่างชาติ” เดินทางเข้าประเทศไทย ตั้งแต่ 1 ม.ค.-27 ก.ค. 2568 มีจำนวนสะสม 18,983,936 คน ลดลง 6.18% เทียบช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยตลาด “นักท่องเที่ยวจีน” กลับมาเป็นอันดับ 1 ด้วยจำนวน 2,635,810 คน ตามด้วย มาเลเซีย 2,622,672 คน อินเดีย 1,352,774 คน รัสเซีย 1,105,719 คน และเกาหลีใต้ 881,288 คน
ก่อนหน้านี้ ภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. กล่าวว่า ททท.ยังคงตั้งเป้าหมายการทำงานของตลาด “จีนเที่ยวไทย” ปี 2568 ไว้ที่ “5 ล้านคน” จากต้นปีเคยคาดว่าจะทำได้ 6.9 ล้านคน
ตัวเลข 5 ล้านคนถือเป็นเป้าหมายท้าทาย เพราะยอดสะสมนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยช่วงเกือบ 7 เดือนแรก ตั้งแต่ 1 ม.ค.-27 ก.ค. มีจำนวน 2.63 ล้านคน เท่ากับว่า 5 เดือนหลังต้องดึงนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยให้ได้อีกเกือบเท่าตัว ราว 2.4 ล้านคน
แม้ “งบกระตุ้นด้านการท่องเที่ยว” จะใช้กับทุกตลาดทั่วโลก แต่น่าจะส่งผลดีต่อ “ตลาดจีน” เป็นหลัก เพราะมีการนำไปสนับสนุนการทำ “ชาร์เตอร์ไฟลต์” เข้าไทย ล่าสุดฝั่งตลาดจีนมีความสนใจทำการบินกว่า 1,000 เที่ยวบินแล้ว โดย ททท.จะพิจารณาการสนับสนุนว่าสามารถสร้างคุณภาพแก่การท่องเที่ยวได้อย่างไรบ้าง เช่น เส้นทางบินที่เข้ามาเป็นการบินจากเมืองใดสู่เมืองใดของไทย หากบินจากเมืองรองของจีนเข้าสู่เมืองรองของไทย เช่น เชียงราย หรืออู่ตะเภา จะได้รับการพิจารณาเป็นกลุ่มแรก
รวมถึงคุณภาพของแพ็กเกจท่องเที่ยว จะมีการใช้จ่ายในประเทศไทยที่เหมาะสมกับจุดหมายปลายทางจริงๆ และต้องไม่อยู่ในระดับต่ำจนกลายเป็นทัวร์ศูนย์เหรียญ
ขณะเดียวกัน จะมีการนำงบกระตุ้นบางส่วนไปสนับสนุน “เที่ยวบินประจำ” โดยปัจจุบันมีหลายสายการบินในไทยโฟกัสการฟื้นตลาดจีน แต่อัตราการขนส่งผู้โดยสาร (Load Factor) อาจยังไม่เพิ่มขึ้น ททท.จะเข้าไปช่วยส่งเสริมตลาดเพื่อดันโหลดแฟคเตอร์ให้สูงขึ้น หรือเพิ่มความถี่เที่ยวบินมากขึ้น รวมถึงเปิดเส้นทางบินใหม่ๆ ในอนาคต
อีกตลาดศักยภาพที่ ททท.มุ่งส่งเสริมต่อเนื่องคือ “กลุ่มประชุมสัมมนาและเดินทางเพื่อเป็นรางวัล” (MICE) ซัมเมอร์แคมป์ และคาราวาน” โดยมีเงื่อนไขการเดินทางต้องมีขนาดกลุ่มตั้งแต่ 30 คนขึ้นไป เข้าพัก 4 คืนขึ้นไปต่อทริป จากเฉลี่ยพัก 3 คืนต่อทริป เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
“ททท.เชื่อว่าการนำงบกระตุ้นไปส่งเสริมชาร์เตอร์ไฟลต์ เที่ยวบินประจำ และกลุ่มไมซ์ ซัมเมอร์แคมป์ คาราวาน สนับสนุนการทำตลาดบนแพลตฟอร์มท่องเที่ยวออนไลน์ (OTA) ประมาณ 20 ราย จะเป็นแรงกระตุ้นการเดินทางที่สำคัญในครึ่งปีหลัง ฟื้นตลาดนักท่องเที่ยวจีนกลับมาดีขึ้น”