‘จระเข้’โตแรงสวนตลาดก่อสร้างติดลบ! เล็งตั้งโรงงาน‘เวียดนาม’
ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจและแรงสั่นสะเทือนจากปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา จระเข้ คอร์ปอเรชั่นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่องานก่อสร้าง ซ่อมแซม และตกแต่ง ครบวงจร ภายใต้แบรนด์ “จระเข้” เดินเกมรุกด้วยกลยุทธ์ชัดเจน มุ่งขยายตลาดซ่อมแซมทั้งในไทยควบคู่ปักหมุดตลาดเพื่อนบ้าน (CLMV) เพื่อบรรลุเป้าหมายรายได้ 4,000 ล้านในปี 2568
แม้ภาพรวมตลาดก่อสร้างไทยในปี 2568 มูลค่ารวมกว่า 1.4 ล้านล้านบาท จะมีแนวโน้ม “ทรงตัว” หรืออาจติดลบเล็กน้อย จากความล่าช้าในการเบิกจ่ายงบประมาณรัฐและภาวะชะลอตัวของการลงทุนเอกชน แต่ตลาดวัสดุก่อสร้างโดยเฉพาะในหมวดซ่อมแซมกลับส่งสัญญาณบวกอย่างชัดเจน โดยเฉพาะวัสดุเคมีประเภทกันซึม ซีลแลนต์ และกาว ซึ่งเติบโตเฉลี่ยต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 5.5% ต่อปี จนถึงปี 2573
“แผ่นดินไหวและภัยพิบัติที่เกิดขึ้นกลายเป็นตัวเร่งให้เจ้าของบ้านและผู้ประกอบการให้ความสำคัญกับการซ่อมแซมโครงสร้างมากขึ้น ทำให้เกิดดีมานด์วัสดุคุณภาพที่ปลอดภัยและทนทาน”
จิรัฏฐ์ สิริเฉลิมพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวและว่า แม้ตลาดก่อสร้างไทยปี 2568 จะแสดงสัญญาณชะลอตัว โดยเฉพาะภาคเอกชนที่หดตัว -4% ถึง -5.6% แต่จระเข้กลับยึดส่วนแบ่งตลาดกาวซีเมนต์และกาวยาแนวไว้กว่า 50% ในตลาดมูลค่า 5,500 ล้านบาท ขณะเดียวกัน กลุ่มเคมีก่อสร้างของบริษัทเติบโตโดดเด่นถึง 24% โดยตั้งเป้ารายได้จากกลุ่มนี้ที่ 900 ล้านบาทในปีนี้
แผนระยะยาวยังมุ่งหน้าสู่ตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) ซึ่งยังคงมีศักยภาพเติบโตเฉลี่ยปีละ 5-7% จากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน สะพาน และระบบสาธารณูปโภค
“สินค้าของเราจำหน่ายแล้วใน 17 ประเทศ ผ่านเครือข่ายพันธมิตรท้องถิ่นตัวแทนจำหน่ายหลักและร้านค้าปลีกกว่า 3,000 แห่งทั้งในและต่างประเทศ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้ต่างประเทศจาก 10% เป็น 16% ภายใน 3 ปี”
สำหรับปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชานั้น มีผลกระทบในการจัดส่งสินค้าแต่ธุรกิจถือว่ามีสัดส่วนน้อยเมื่อเทียบกับตลาดใหญ่อย่าง “ลาว-เมียนมา-เวียดนาม” โดยเฉพาะ “เวียดนาม” ตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง จากปัจจัยบวกทั้งการย้ายฐานการผลิตจากต่างชาติและการเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยมีแผนตั้งโรงงานผลิตในเวียดนาม ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดการร่วมทุน นอกจากนี้ พร้อมขยายตลาดใหม่ในเอเชียใต้ และแอฟริกา
ไม่เพียงเท่านั้น สินค้ากลุ่ม “Green Products” หรือวัสดุก่อสร้างที่ปลอดภัยต่อคนและสิ่งแวดล้อม ยังถูกผลักดันขึ้นมาเป็นเทรนด์สำคัญของปี 2568 ด้วยสัดส่วนที่สูงถึง 63% ในไลน์สินค้า “จระเข้” พร้อมเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนอย่างเป็นรูปธรรม ตั้งเป้าบรรลุ Net Zero ภายในปี 2065
“หากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยืดเยื้อ จะต้องหาตลาดใหม่ทดแทน อาทิ เมียนมา ที่เพิ่งประสบแผ่นดินไหว ทำให้ต้องนำเข้าวัสดุก่อสร้าง”
สำหรับยอดขายครึ่งปีแรกของปีนี้เติบโต 9.5% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คาดว่าจะสามารถบรรลุเป้ารายได้ที่ตั้งไว้ 4,000 ล้านบาทได้ตามเป้าหมาย
อย่างไรก็ดี จระเข้ ยังคงเดินหน้าพัฒนาสินค้าภายใต้แนวคิด “Build Today, Beyond Tomorrow” หรือ “สร้างวันนี้ เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน” โดยอาศัยนวัตกรรมวัสดุก่อสร้างคุณภาพสูง ทั้งในงานก่อสร้างใหม่ งานซ่อมแซม และงานตกแต่ง ครอบคลุมตั้งแต่ฐานรากจนถึงหลังคา โดยไม่ใช้กลยุทธ์ราคาเข้ามาแข่งขันกับคู่แข่ง เน้นพัฒนาสินค้าที่เข้ามาช่วยแก่ปัญหาให้กับลูกค้า ทั้งในรูปแบบของสินค้า โซลูชัน กระบวนการอย่างครบวงจร ส่วนใหญ่เป็นตลาดนิชมาร์เก็ต แข่งขันคุณภาพมากกว่าราคา
อีกหนึ่งยุทธศาสตร์สำคัญคือการ “สร้างคน” ควบคู่กับการสร้างสินค้า โดย จระเข้ เดินหน้ายกระดับอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยผ่านศูนย์ฝึกอบรม “Jorakay Academy” ที่มุ่งยกระดับทักษะช่างก่อสร้างให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล รวมถึงการจัดการแข่งขัน “Crocodile Tiler X” เวทีชิงแชมป์ช่างปูกระเบื้องระดับภูมิภาคอาเซียน เพื่อสร้างแรงงานคุณภาพป้อนสู่ตลาดภูมิภาค
“เรามองว่า ความยั่งยืนไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่คือเครื่องมือในการสร้างการเติบโตแบบยั่งยืนของทั้งธุรกิจและสังคม”
ภายใต้เป้าหมาย 4,000 ล้านบาทในปี 2568 จระเข้ไม่ได้มองเพียงยอดขายเป็นจุดสิ้นสุด แต่ให้ความสำคัญกับการเป็น “ผู้นำ” ที่ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้แก่อุตสาหกรรมก่อสร้างไทยและภูมิภาค การขยายตลาด การยกระดับพันธมิตร การสร้างช่างคุณภาพ และการพัฒนา Green Products ล้วนคือภาพสะท้อนการเติบโตเชิงคุณภาพในแบบ “จระเข้”