"จระเข้" เร่งปักธงตลาด CLMV ตั้งเป้ายอดขายแตะ 16% ไม่หวั่นปัญหาไทย-กัมพูชา
แม้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวช้าและตลาดก่อสร้างมีแนวโน้มทรงตัว แต่ บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ยังคงเดินหน้าเติบโตสวนกระแส โดยรายงานผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2568 เติบโต 9.5% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน พร้อมประกาศเป้าหมายขยายตลาดต่างประเทศแบบก้าวกระโดด โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV เพื่อดันสัดส่วนรายได้ต่างประเทศจาก 10% เป็น 16% ภายในปีนี้
ดร.จิรัฏฐ์ สิริเฉลิมพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส เปิดเผยว่า ตลาด CLMV ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ยังคงมีศักยภาพการเติบโตสูงจากการขยายตัวของโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน ระบบไฟฟ้า และนิคมอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเวียดนามที่ได้รับแรงหนุนจากการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติ ขณะที่เมียนมามีความต้องการวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้นจากผลกระทบของแผ่นดินไหว ส่วนลาวแม้มีขนาดตลาดเล็ก แต่ถือว่าเสถียรและกำลังซื้อมั่นคงในระดับหนึ่ง
“CLMV คือจิ๊กซอว์สำคัญของการเติบโตระยะยาว เราต้องศึกษาบริบทของแต่ละประเทศอย่างลึกซึ้ง ทั้งโครงสร้างตลาด พฤติกรรมผู้บริโภค กฎระเบียบท้องถิ่น และความต้องการเฉพาะด้าน โดยร่วมพาร์ทเนอร์แต่ละประเทศ เพื่อให้สินค้าของเราตอบโจทย์ตรงจุด” ดร.จิรัฏฐ์กล่าว
อย่างไรก็ดี การขยายตลาดในภูมิภาคไม่ได้ไร้อุปสรรค โดยเฉพาะสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชาในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลต่อกระบวนการขนส่งสินค้าข้ามแดน โดยมีการตรวจเข้มและข้อจำกัดการเคลื่อนย้ายสินค้าผ่านด่านหลัก ส่งผลให้บริษัทต้องชะลอการส่งสินค้าชั่วคราว แต่สามารถแก้ไขโดยได้รับการเสนอแนะช่องทางอื่นๆ จากพันธมิตรท้องถิ่นในฝั่งกัมพูชา
“เราต้องทำงานร่วมกับพันธมิตรท้องถิ่นในฝั่งกัมพูชาเพื่อหาช่องทางนำเข้าส่งออกทางเลือกที่ถูกต้องตามกฎหมาย และยังคงส่งสินค้าได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีความท้าทายมากขึ้น แต่เรายังเชื่อมั่นว่าทุกฝ่ายต่างต้องการให้การค้าเดินหน้าต่อไปได้ เราจึงหวังว่าด้วยความร่วมมือจากทั้งสองฝั่ง สถานการณ์จะค่อยๆ คลี่คลาย และกลับเข้าสู่ภาวะปกติในเร็ววัน เพราะเศรษฐกิจในอาเซียนต้องเดินหน้าไปด้วยกัน”
ปัจจุบันนี้ จระเข้มีสัดส่วนยอดขายจากในประเทศ 90% โดยแบ่งเป็นช่องทาง Traditional Trade 62% และ Modern Trade 38% ส่วนต่างประเทศอยู่ที่ 10% และตั้งเป้าที่จะขยับเป็น 16% ภายในปีนี้ ผ่านกลยุทธ์ขยายสินค้าในตลาดเดิมและเจาะตลาดใหม่ พร้อมเสริมเครือข่ายพาร์ตเนอร์ท้องถิ่นและช่องทางค้าปลีกในต่างแดน
นอกจากตลาดต่างประเทศ จระเข้ยังเดินเกมรุกในประเทศเช่นเดิม โดยยังครองแชมป์ในตลาดกาวซีเมนต์และกาวยาแนว ด้วยส่วนแบ่งตลาดกว่า 50% จากมูลค่ารวม 5,500 ล้านบาท พร้อมผลักดันกลุ่มผลิตภัณฑ์เคมีก่อสร้างที่เติบโตโดดเด่นถึง 24% และตั้งเป้ารายได้จากกลุ่มนี้ที่ 900 ล้านบาทภายในสิ้นปี
แม้ตลาดก่อสร้างไทยปีนี้คาดมีมูลค่ารวมที่ 1.4 ล้านล้านบาท แต่ยังมีแนวโน้มหดตัวในฝั่งเอกชนราว 4-5.6% ขณะที่ภาครัฐและงานรีโนเวตจากแผ่นดินไหวยังคงหนุนดีมานด์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะวัสดุที่มีมาตรฐานด้านความปลอดภัยและความทนทานสูง
ในภาพรวม จระเข้ยังคงเดินตามวิสัยทัศน์ “Sustainable Building Innovation” พัฒนาผลิตภัณฑ์สีเขียว (Green Products) ที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันมีสัดส่วนกว่า 63% ของสินค้าทั้งหมด และตั้งเป้าลดการปล่อยคาร์บอนจนเข้าสู่ความเป็นกลางในปี 2050 และบรรลุ Net Zero ในปี 2065
อีกทั้ง จระเข้ยังมีโครงการที่ช่วยพัฒนาแรงงานก่อสร้างไทยผ่าน “Jorakay Academy” และเวทีช่างปูกระเบื้องอาเซียน “Crocodile Tiler X” ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อยกระดับทักษะช่างไทยสู่มาตรฐานระดับภูมิภาค
“เราเชื่อว่าการเติบโตในอาเซียนไม่ใช่เรื่องของการเข้าไปขายของเท่านั้น แต่คือการเข้าไป ‘สร้าง’ ทั้งคน ตลาด และโอกาสใหม่ ๆ ร่วมกับทุกฝ่าย” ดร.จิรัฏฐ์กล่าวทิ้งท้าย