บราโว บีเคเค เล็งร่วมทุนปั้นโรงแรมเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์เสริมพลัง
จากศูนย์การค้าชายขอบสู่ “ศูนย์กลางชีวิตคนเมือง” บราโว บีเคเค (Bravo BKK) เร่งต่อจิ๊กซอว์ครั้งใหญ่บนพื้นที่ 43 ไร่ ย่านพระราม 9 จาก "โชว์ ดีซี-Mall of Korea" ที่ไม่สามารถเปิดตัวตามแผนอย่างที่ตั้งใจ โดยเฉพาะ “ลอตเต้ ดิวตี้ฟรี” หมากสำคัญ กลับกลายเป็นการลงทุนที่สะดุดตั้งแต่ต้นทาง
วันนี้ “บราโว บีเคเค-Fit and Fun Mall" แหล่งรวมความบันเทิงใจกลางพระราม 9 ภายใต้กลุ่มทุนจากมาเลเซีย “Bon Group” มี โกห์ ซู ซิง ซีอีโอ วัย 42 ปี เป็นแม่ทัพใหญ่ลุยปรับยุทธศาสตร์ธุรกิจใหม่ พร้อมมองการณ์ไกลเดินหน้าลงทุนโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์บนพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อเพิ่มทราฟิก
“เรามองว่าทำเลนี้มีศักยภาพ แต่ต้องต่อจิ๊กซอว์ให้ครบ โรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์จะช่วยเติมผู้คนและชีวิตให้กับศูนย์การค้าบราโว บีเคเค”
บราโว บีเคเค ไม่ต้องการจำกัดตัวเองไว้แค่กรอบ “ศูนย์การค้า” แบบเดิม แต่หันมาโฟกัสสิ่งที่แตกต่างอย่าง “ประสบการณ์” และ “กิจกรรม” ที่สามารถเชื่อมผู้คนเข้ากับพื้นที่ได้จริง ศูนย์การค้าถูกปรับให้กลายเป็นเวทีสำหรับกิจกรรมหลากหลาย ตั้งแต่คอนเสิร์ตนานาชาติ งานแฟนมีต กิจกรรมเฉพาะกลุ่ม นิทรรศการ Immersive Art หรือ Rooftop Opening Party มีชื่อเป็นที่รู้จักในการเป็นเวทีประกวดสาวงาม Miss Grand Thailand และ Miss Universe Thailand (MUT) รวมถึงพื้นที่จัดไลฟ์สไตล์อีเวนต์ Siam Songkran, Night Market
นอกจากนี้ ยังเป็นคอมมูนิตี้ของคนรักกีฬาและการออกกำลังกาย เสริมภาพลักษณ์การเป็น Lifestyle Creative Hub นับเป็นไลฟ์สไตล์ คอมเพล็กซ์ แห่งแรกในไทยที่มี Indoor Sport Active Zone ไม่ว่าจะเป็นสนามพิกเกิลบอล (Pickle Ball) ในร่ม ลาน balance bike ลานสเกต
“บราโว บีเคเค ไม่ใช่แค่ที่มาเดิน แต่คือที่ที่มาใช้ชีวิต ทำกิจกรรม และรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน”
โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายหลัก Urban Millennials และ Gen Z ที่แสวงหาพื้นที่ผ่อนคลาย พบปะ และสร้างเครือข่ายใหม่ๆ ในบรรยากาศที่ตอบโจทย์ทั้งไลฟ์สไตล์และความคิดสร้างสรรค์
ทุ่มพันล้านลุยโรงแรม-เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์
การลงทุนในเฟสถัดไป คือการต่อยอดด้วยโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์บนพื้นที่ 2 ไร่ ใช้งบราว 1,000 ล้านบาท รองรับกลุ่มลูกค้าทั้งไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะนักลงทุนเอเชียที่นิยมลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบร่วมทุน
“ไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุน เพราะปลอดภัย คนเป็นมิตร มีศักยภาพเติบโตในระยะยาว”
โปรเจกต์นี้คาดเห็นความชัดเจนในปี 2569 และจะเป็นตัวช่วยสำคัญในการเพิ่มทราฟฟิกให้ศูนย์การค้า ซึ่งปัจจุบันยังมีข้อจำกัดด้านทำเล ที่ไม่ติดถนนใหญ่
แผนธุรกิจเป็นไปตามกลยุทธ์ 3 แกนหลักเคลื่อนธุรกิจ ได้แก่ Flexible Space, Curated Use พื้นที่ที่ปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของผู้เช่า ไม่ว่าจะเป็นโชว์รูม ฟิตเนส สตูดิโอ หรืออีเวนต์ Culture-Driven Programming สร้างกิจกรรมที่สะท้อนวัฒนธรรมคนเมือง เช่น อาร์ต ดนตรี กีฬา และไลฟ์สไตล์ Smart Partnerships คัดเลือกพันธมิตรที่มีแนวคิดสอดคล้องกันทั้งแบรนด์ท้องถิ่นและต่างประเทศ
นอกจากนี้ เตรียมเปิดตัวโครงการ Artist Residency, Pop-Up Store Showcase เปิดพื้นที่ให้ศิลปินและผู้ประกอบการรายย่อยได้แสดงออกอย่างยืดหยุ่น
แคมเปญ One Year Zero Rent ดึงผู้เช่า
ในภาวะที่ธุรกิจค้าปลีกยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ บราโว บีเคเค วางหมากเด็ดด้วยแคมเปญ “One Year Zero Rent” เช่าฟรี 1 ปี สำหรับผู้เช่ารายใหม่ที่เซ็นสัญญา 3 ปี โดยปีแรกฟรีค่าเช่า ปีที่ 2 ลด 50% ปีที่ 3 จ่ายเต็มตามปกติ ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.-31 ต.ค.นี้ คาดหวังเพิ่มผู้เช่าใหม่ไม่น้อยกว่า 50% ภายใน 3 เดือน และเติมพื้นที่ว่าง 60-80% ภายในครึ่งปี
โดยเฉพาะสาย อาหารและเครื่องดื่ม ความงาม เวลเนส ฟิตเนส การศึกษา เอนเทอร์เทนเมนต์ รีเทล ออฟฟิศ สตูดิโอ และ โรงแรม ควบคู่กับกลยุทธ์ Event Lead Awareness สร้างความเข้าใจว่าที่นี่ไม่ใช่แค่ศูนย์การค้า แต่เป็นพื้นที่แห่งโอกาสและศูนย์รวมประสบการณ์ใหม่ เพื่อขยายฐานลูกค้าให้หลากหลายขึ้น คาดเพิ่มทราฟิกไม่ต่ำกว่า 30%
นอกจากนี้ยังจะเกิดการสร้างกระแส (Buzz) ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ช่วยกระตุ้นยอดขาย สร้างความคึกคักโดยรวมให้กับศูนย์การค้า
“เราไม่ได้แค่ให้เช่าพื้นที่ แต่ให้โอกาสแบรนด์ใหม่ๆ ได้ลองตลาด โดยไม่ต้องแบกรับต้นทุนสูงในทันที”
ภายใต้แนวคิด “Urban Creative Playground” Bravo BKK มุ่งสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของศูนย์การค้าให้เป็น “พื้นที่ที่มีชีวิตชีวา เป็นมิตร และเปิดรับทุกคน” รวมทุกไลฟ์สไตล์ไว้ในที่เดียว ตั้งแต่กีฬา (Sport) ศิลปะ (Art) ดนตรี (Music) ตลาดนัด (Market) การเรียนรู้ (Education) ไปจนถึงสุขภาพ (Wellness)
แนวทางดังกล่าวไม่เพียงเป็นการ “รีแบรนด์” แต่คือการ “รีบิลด์” ธุรกิจให้สอดรับพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ที่ไม่ซื้อเพียงสินค้า แต่อยากได้ “ประสบการณ์” และ “ความหมาย” จากทุกการเดินทาง
“เรากำลังสร้างพื้นที่ที่ทุกคนอยากมา ไม่ใช่เพราะต้องซื้อของ แต่เพราะอยากรู้สึกว่า…อยู่ที่นี่แล้วเป็นตัวเองได้เต็มที่”
โดยมีเป้าหมายสูงสุด คือการเป็น “ศูนย์กลางชีวิตคนเมือง” แห่งใหม่ ที่มากกว่าศูนย์การค้า นั่นคือ พื้นที่แห่งอนาคตของคนรุ่นใหม่