ตำรวจไซเบอร์ รวบบัญชีม้าหลอกโอนเงินโปรโมทสินค้าเสียหายนับแสน
ตำรวจไซเบอร์ รวบบัญชีม้าหลอกโอนเงินโปรโมทสินค้าเสียหายนับแสน อายัดเงินคืนผู้เสียหายกว่า 3.5 หมื่น
วันที่ 1 สิงหาคม 2568 ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บช.สอท. เมืองทองธานี พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท. พ.ต.ท.ณัฐพล รัตนมงคลศักดิ์ รองผกก.สอท.3 เป็นตัวแทน ส่งมอบเช็คเงินสด จำนวน 35,000 บาท คืนให้กับผู้เสียหาย ตามโครงการ Money Cash Back ปิดบัญชีตามล่าม้า คว้าเงินคืน หลังเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมเครือข่ายคอลเซนเตอร์หลอกให้โปรโมทสินค้า ความเสียหายมูลค่ากว่า 1 แสน 3 หมื่นบาท
พล.ต.ท.ไตรรงค์ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงวันที่ 14-16 พฤศจิกายน 2567 ได้มีผู้เสียหาย แจ้งความว่าถูก เครือข่ายคอลเซนเตอร์โทรศัพท์มาหาแล้วชักชวนให้ทำงานโปรโมตสินค้าโดยให้ มีการเพิ่มเพื่อนผ่านแอพพลิเคชัน LINE เมื่อผู้เสียหายสนใจจึงได้แอดเข้าไปก่อนที่จะ 1 ในขบวนการคอลเซนเตอร์ เข้ามาพูดคุยด้วยและอ้างตัวว่าเป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุน ผู้ก่อเหตุจึงหลงเชื่อและลงทะเบียนเป็นสมาชิกผ่านแพลตฟอร์มเทรดเหรียญคริปโทเคอร์เรนซี่ หรือ BINANCE ปลอม จากนั้น กลุ่มคอลเซนเตอร์ได้เชิญให้ผู้เสียหายเข้าไปอยู่ใน LINE ที่ชื่อว่า กลุ่มรับแคมเปญ ซึ่งจะมีกิจกรรมทางการตลาดให้ผู้เสียหายดำเนินการตามแผนงานที่วางไว้ เพื่อโปรโมตสินค้า ประเภทเครื่องสำอาง แลกกับค่าตอบแทน โดยจะต้องทำงานเป็นช่วงเวลา และผู้เสียหายจะต้องโอนเงินไปโปรโมทสินค้าก่อนจึงจะได้รับค่าตอบแทน ทำให้ผู้เสียหายโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารของกลุ่มผู้ก่อเหตุ โดยครั้งแรกมีการโอนเงินเพื่อสมัครสมาชิกเป็นจำนวน 20 บาทก่อนที่จะทดลอง โอนเงินกว่า 100 บาทเพื่อ ทำภารกิจโปรโมทสินค้า ซึ่งใน 1 วันต้องทำหลายครั้ง ก่อนที่จะได้ค่าตอบแทนเป็นจำนวนเงินกว่า 1,000 บาท เมื่อเห็นว่ามีรายได้ดี จึงสนใจลงทุนเพิ่ม ซึ่งกลุ่มมิจฉาชีพก็ได้อ้างว่าจะต้องลงทุนแบบขั้นบันไดเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้เสียหายโอนเงินจากหลักร้อยเป็นหลักพันและ หลักหมื่น ทั้งหมด 7 ครั้ง รวมมูลค่าความเสียหาย 135,050 บาท
จากการสืบสวนสอบสวนพบกลุ่มผู้ก่อเหตุมีฐานปฏิบัติการอยู่ที่ประเทศกัมพูชาโดยเป็นเครือข่ายคอลเซนเตอร์ เบื้องต้นตำรวจสามารถจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้เป็น ชายชาวไทย 1 คนทำหน้าที่เป็นบัญชีม้า รับโอนเงินและสแกนใบหน้า ตำรวจจึงดำเนินคดีในข้อหา เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของผู้อื่นฐานร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน