‘สุชาติ’ วอนอย่าด่วนตัดสินสำนักพุทธฯ ทำงานเละเทะ แค่หย่อนยาน
"สุชาติ" วอน อย่าเพิ่งตัดสินสำนักพุทธฯ ทำงานเละเทะ ยอมรับแค่หย่อนยาน หลังจากนี้ขอดูผลงานวัดผล 2-3เดือน
นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังมอบนโยบายการดำเนินงานกับข้าราชการสำกัดสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติทั่วประเทศ เปิดเผยว่า จากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นขณะนี้ ถือว่าเป็นวิกฤติของพระพุทธศาสนาที่ต้องเร่งแก้ไขเรียกศรัทธาจากประชาชนคืนมาให้ได้ โดยหลักใหญ่ที่ทำให้เกิดปัญหาก็คือเรื่องทรัพย์สินเงินทองของพระสงฆ์ที่ไม่ได้มีมาตรการควบคุม
ส่วนเรื่องสีกา ที่เข้ามาหาผลประโยชน์โดยการหลอกเงินพระ วันนี้จึงกำชับให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติทำงานเชิงรุก ประสานข้อมูลกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นไม่ว่าจะเป็นกำนันผู้ใหญ่บ้าน ว่าในพื้นที่มีการกระทำความผิดหรือไม่และหากพบพระสงฆ์หรือผู้กระทำความผิดที่กระทบกับพระพุทธศาสนาก็จะดำเนินการแจ้งให้ตำรวจเข้ามาจัดการต่อไป
นายสุชาติกล่าวว่า สิ่งไหนที่ชาวบ้านรู้เห็นพฤติกรรมของพระสงฆ์ในพื้นที่ ก็ต้องตั้งคำถามว่าทำไมสำนักพุทธฯ ถึงไม่รู้เรื่อง หลังจากนี้หากจังหวัดไหนไม่สามารถควบคุมพระสงฆ์ให้อยู่ในพระธรรมวินัยและมีข่าวเช้าออกมาก็คงต้องมีการกล่าวโทษรวมถึงประเมินคะแนนสมรรถภาพการแก้ไขปัญหา ว่ามีการละเว้นการปฎิบัติหน้าที่หรือไม่
สำหรับนโยบายเรื่องที่เกี่ยวกับทรัพย์สินของวัดจะต้องจัดการให้มีความโปร่งใส ทำข้อมูลอย่างเป็นระบบ เพื่อควบคุมวัดและทรัพย์สินภายในวัด พระสงฆ์ประมาณ 2 แสนรูปทั่วประเทศ จะต้องออกมาชี้แจงความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการเงิน ให้ประชาชนได้รับทราบว่ามีการนำเงินไปใช้ทำอะไรบ้าง
นอกจากนี้ การเงินภายในวัด ก็จะต้องผ่านคณะกรรมการอย่างถูกต้อง บัญชีการเงินของวัดจะต้องรายงานเข้ามายังสำนักพุทธทุกเดือน ส่วนพระสงฆ์ ได้ออกกฎกระทรวงไว้ว่าจะต้องถือเงินไม่เกิน 1 แสนบาท
ในวันนี้ที่มีการเชิญผู้อำนวยการสำนักพุทธของ 76 จังหวัดเข้ามาพูดคุย สิ่งที่ได้รับการสะท้อน คือ เจ้าหน้าที่ เรื่องการไม่มีอำนาจจับกุมพระที่กระทำผิด ซึ่งก็ได้ทำความเข้าใจไปแล้วว่าไม่ได้ต้องการให้จับกลุ่มแต่อยากให้ทำงานเชิงรุกในการป้องกันพระพุทธศาสนาไม่ให้เสื่อมเสีย
มาตรการสำคัญที่สุดที่ได้มอบให้สำนักพุทธในวันนี้คือ การพิจารณาเรื่องบทลงโทษ สำหรับพระทำผิดเสพเมถุนกับสีกา จะต้องรีบแก้ไขกฎหมายพ.ร.บ.สงฆ์ให้เพิ่มบทลงโทษ ทั้งโทษปรับและจำคุก โดยเสนอจำคุกหนึ่งถึงเจ็ดปีและปรับ 2 แสนบาท ซึ่งส่วนนี้ก็ต้องส่งไปให้กฤษฎีกาตรวจสอบว่าต้องปรับปรุงแก้ไขโทษเพิ่มเติมหรือไม่ก่อนนำเข้าสู่กระบวนการของรัฐสภา
อีกเรื่องคือการทำวัตถุมงคล เลยมองว่าวัดบางแห่งก็ใช้วัตถุมงคลเป็นแหล่งฟอกเงิน เรื่องนี้มอบนโยบายให้สำนักพุทธไป พิจารณาต่อว่าการทำวัตถุมงคลจะต้องมีคณะกรรมการกลั่นกรองก่อนหรือไม่
ขณะเดียวกัน ขออย่าเพิ่งกล่าวโทษสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ว่าเละเทะ ยอมรับว่าตอนนี้แค่หย่อนยานไปหน่อย แต่หลังจากมอบนโยบายให้ไปทำงานเชิงรุกจากนี้ก็ต้องดูผลงานอีกสองถึงสามเดือนแล้วค่อยวัดผลกันใหม่ ลักษณะเหมือนการวัด KPI แต่หากยังมีปัญหาเหมือนเดิมเกิดขึ้นก็แสดงว่าละเลยปฎิบัติหน้าที่
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- กองปราบแถลง ‘ปฏิบัติการนารีพิฆาตพระ’ เปิดข้อหาสีกากอล์ฟร่วม ‘7 ข้อหา 2 หมายจับ’
- ยอมจำนน!! เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร สึกแล้ว เซ่นปมแชทหลุด สีกากอล์ฟ
- แจ้ง 2 ข้อหา อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิต ยักยอกเงินวัด 3.8 แสน โอนให้ 'สีกากอล์ฟ'
ติดตามเราได้ที่