หอการค้า เตือนจับตา Transshipment 40% แม้สหรัฐฯลดภาษีไทย 19% เท่าคู่แข่งเวียดนาม-อินโดนีเซีย-มาเลย์
ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หอการค้าไทยขอแสดงความชื่นชมอย่างยิ่งต่อทีมเจรจาประเทศไทย ‘ทีมไทยแลนด์’ ที่สามารถบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐฯ ให้กำหนดอัตราภาษี ‘reciprocal tariff’ สำหรับประเทศไทยอยู่ที่ 19% ซึ่งแทบไม่ต่างกับอัตราภาษีที่สหรัฐฯ ใช้กับประเทศในภูมิภาคอาเซียน เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ (19%) และเวียดนาม (20%)
แม้ว่าอัตรานี้จะสูงกว่าพื้นฐาน 10% แต่ถือว่าเป็นผลงานที่ดีเยี่ยมในภาวะที่ประเทศไทยเคยเผชิญกับข่าวว่าจะถูกกำหนดอัตราภาษีสูงถึง 36%
การที่ทีมเจรจาไทยสามารถเจรจาลดตัวเลขนั้นลงเหลือ 19% ได้ภายในเวลาที่จำกัด แสดงถึงความมุ่งมั่น ความเข้าใจในเชิงยุทธศาสตร์ และความสามารถในการดำเนินงานเชิงรุกของทีมเจรจาอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ หอการค้าไทยเชื่อว่า แม้ระดับภาษีจะสูงขึ้นจากเดิม แต่ประเทศไทยยังมีความสามารถในการแข่งขันในภูมิภาค เมื่ออัตราภาษีใกล้เคียงกับประเทศอื่นในอาเซียน
อย่างไรก็ดี หอการค้าไทยยังสนับสนุนให้รัฐบาลพิจารณามาตรการรองรับ โดยเฉพาะการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยขยายตลาดใหม่ และเตรียมรับมือกับอัตราภาษีสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น ผ่านมาตรการสนับสนุนด้านเทคโนโลยี การเงิน การตลาดและนวัตกรรมทางการค้า
“หลังจากนี้ ยังต้องจับตาอย่างใกล้ชิดต่อ มาตรการ transshipment rate ที่สหรัฐฯ กำหนดไว้ที่ 40% สำหรับทุกประเทศ รวมถึง การเตรียมแผนรับมือด้านการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ด้วย เรายังมั่นใจว่าการเจรจาต่อในด้านรายละเอียด จะช่วยให้สามารถปรับปรุงเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ในอนาคต” ดร.พจน์ กล่าว
รายงานข่าวระบุว่า การเจรจาที่ผ่านมา สหรัฐฯ เข้มงวดประเด็น transshipment (การลักลอบสวมสิทธิสินค้าไทย) ดังนั้น ไทยต้องระวังสินค้าที่มี import content สูง เพราะอาจถูกมองว่าไม่ได้ผลิตจริงในไทย
ทั้งนี้ แนวทางออกคือไทยต้องเร่งสร้างฐานการผลิตในสินค้าสำคัญ โดยเฉพาะสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีสูง อาทิ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เซมิคอนดักเตอร์
ภาพ: franckreporter / Getty Images