เบื้องหลังแก๊งที่หากินในกัมพูชา 'เฟิงเฟยซา' แห่งไต้หวันหากินหลอกลวงคนจีนเป็นเงินนับพันล้าน
จากกรายงานของสำนักข่าว 民視新聞網 ของไต้หวันเมื่อเร็วๆ นี้ แก๊งจากเมืองซินจู๋ ไต้หวัน ที่รู้จักกันในชื่อ "เฟิงเฟยซา" (ตระกูลเฟิงเป่ย) ได้จัดตั้งห้องสแกมเมอร์ออนไลน์ขึ้นในกัมพูชา โดยปลอมตัวเป็นอัยการและเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อหลอกลวงชาวจีน การสืบสวนของสำนักงานสอบสวนคดีอาญาไต้หวันพบว่า รายได้จากการฉ้อโกงรายเดือนของพวกเขาที่ 100 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน มีมูลค่ารวมสูงกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ไต้หวัน หลังจากสืบสวนและรวบรวมหลักฐานแล้ว อัยการและตำรวจได้ฟ้องร้องบุคคล 19 คน ในข้อหาอาชญากรรมที่เป็นองค์กรและฉ้อโกงร้ายแรง และออกหมายจับผู้สมรู้ร่วมคิด 27 คน ซึ่งยังคงอยู่ในต่างประเทศและปฏิเสธที่จะเดินทางกลับ
ผู้นำแก๊งซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยหลัก นามสกุลเฉิน เขาเป็นผู้นำกลุ่มลูกน้องในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ดำเนินการ "ห้องสล็อตแมชชีน" 「老虎機房」 ภายใต้ชื่อรหัสเฉพาะเพื่อหลอกลวงชาวจีน อัยการและตำรวจไต้หวันได้สืบหาต้นตอและพบว่าพวกเขาไม่ได้แค่ฉ้อโกงชาวไต้หวันเท่านั้น แต่ยังหลอกลวงให้คนต่างชาติอีกด้วย โดยมีฐานที่มั่นคือศูนย์ข้อมูลของแก๊งเฟิงเฟยชาในกัมพูชา ซึ่งก่อตั้งขึ้นด้วยเงินทุน 200,000 ดอลลาร์ไต้หวันจากผู้ต้องสงสัยหลัก นามสกุลเฉิน
พวกเขาติดต่อกับเหยื่อชาวจีนผ่าน WeChat โดยใช้กลโกงด้วยการปลอมจากตำรวจและโกหกเรื่องการลงทุน หลังจากล่อคนมาติดกับเป็นแรงงานทาสแล้ว เพื่อฝึกฝนกลยุทธ์ล่อลวงและการใช้โวหารล่อลวงผู้คน พวกเขายังกำหนดให้สมาชิกต้องสอบผ่านก่อนจึงจะสามารถดำเนินธุรกิจออนไลน์ได้ ในเวลาเพียงปีเดียว รายได้ต่อเดือนของพวกเขาทะลุ 100 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน และมูลค่าการฉ้อโกงรวมทั้งหมดอยู่ที่ 1 พันล้านดอลลาร์ไต้หวัน สมาชิกจึงฟอกเงินผ่านนักต้มตุ๋น ทำให้เกิดความวุ่นวายทางการเงิน
เบื้องหลังของแก๊งเฟิงเฟยซา
แก๊งเฟิงเฟยซา (風飛砂幫) เป็นกลุ่มอาชญากรท้องถิ่นในเมืองซินจู๋ ไต้หวัน โดยพื้นฐานแล้วเป็นแก๊งอาชญากรระดับจังหวัดที่ปฏิบัติการหลักในเมืองซินจู๋ มีฐานที่มั่นอยู่ทั่วเขตปกครองและเมืองซินจู๋ แก๊งนี้ก่อตั้งขึ้นในช่วงทศวรรษ 1960 แตกต่างจากแก๊งซานกวงซึ่งมีสมาชิกจำนวนมาก แก๊งนี้มีฐานสมาชิกขนาดเล็ก อย่างไรก็ตาม ในยุคแรก พื้นที่ใดๆ ในซินจู๋ที่มีผลประโยชน์มหาศาลจะถูกควบคุมโดยสมาชิกแก๊งนี้เป็นส่วนใหญ่ ในช่วงแรกๆ ตำรวจและสื่อมักเรียกแก๊งนี้ว่า "พรรคเฟิงเฟยซา" (風飛沙派)
ตามรายงานของสื่อ แก๊งเฟิงเฟยซาก่อตั้งขึ้นในเดือนเมษายน พ.ศ. 2507 โดยมีสมาชิกเริ่มแรกประมาณ 20 ถึง 40 คน สมาชิกแก๊งตั้งชื่อตัวเองตามชื่อยอดนิยมของเมืองซินจูว่า "เฟิงเฉิง" (風城) และเรียกตัวเองว่า "แก๊งเฟิงเฟยซา" ในภาษาแสลงของไต้หวัน แก๊งค่อยๆ รวมตัวกันเป็นแก๊ง ประมาณทศวรรษที่ 1960 แก๊งเฟิงเฟยซามีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมรุนแรงมากมาย เช่น การทะเลาะวิวาท การต่อสู้ด้วยอาวุธ และการฆาตกรรม ประมาณทศวรรษที่ 1970 แก๊งเฟิงเฟยซานำโดยหัวหน้าแก๊งชื่อ ซ่ง ชื่อเล่นว่า "ไอ้ดำขายชา" (賣茶黑仔) ซึ่งถือเป็นแกนหลักของแก๊งเฟิงเฟยซา
ในปี 2005 เพื่อที่จะมีชื่อเสียงอย่างรวดเร็ว หลี่เจียหรง (李家榮) สมาชิกหนุ่มของแก๊งเฟิงเฟยซา ได้รับการยอมรับโดยปริยายจากหัวหน้าแก๊ง จึงได้ชักชวนคนหนุ่มสาวผ่านทางอินเทอร์เน็ตให้ก่อตั้งกลุ่มแข่งรถแวนซ์ที่มีชื่อว่า "YY Team" พวกเขาใช้อินเทอร์เน็ตและซอฟต์แวร์สื่อสารในการก่ออาชญากรรมต่างๆ เช่น การแข่งรถแวนซ์ การข่มขู่รีดไถ และการแฮ็กแบบสุ่ม นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการทำมิจฉาชีพที่อิงกับเทคโนโลยีของแก๊งนี้ก็เป็นได้ อย่างไก็ตาม ทีมหลี่เจียหรงมีชื่อเสียงเฉพาะเรื่องการแข่งรถแว๊นซ์สร้างความรำคาญให้กับผู้คนเป็นหลัก
หลังจากผ่านทศวรรษอันยาวนานของการทำอาชญากรรในไต้หวัน ล่าสุด แก๊งนี้ก็หันมาหกินในกัมพูชาอันเป็นสวรรค์ของอาชญากรและสแกมเมอร์ โดยในปี 2022 เกิดการทะเลาะวิวาทครั้งใหญ่ระหว่างแก๊งในเมืองซินจู๋ โดยสมาชิกแก๊งเฟิงเฟยชาและแก๊งซานกวงปะทะกัน โดยสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงการลงทุนในกัมพูชา สมาชิกทั้งสองฝ่าย 10 คนยิงปืนใส่กัน และมีรายงานว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย หลังจากได้รับแจ้งเบาะแส ตำรวจได้เข้าร่วมการสอบสวนแล้ว
เป็นที่เข้าใจกันว่าแก๊งท้องถิ่นทั้งสองมีสมาชิกที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงในกัมพูชา ความขัดแย้งซึ่งคาดว่าจะเกิดจากความขัดแย้งทางผลประโยชน์ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ขณะที่พวกเขาพบกันใกล้เมืองหนานเหลียว เมืองซินจู๋ เพื่อเจรจาต่อรอง ทันใดนั้นก็เกิดความขัดแย้งขึ้นอย่างไม่คาดคิด มีการยิงปืนอย่างน้อย 10 นัด ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ หลังจากนั้น ทั้งสองกลุ่มก็สลายตัวไป เพื่อไม่ให้มีหลักฐานเหลืออยู่ สมาชิกแก๊งจึงจุดไฟเผารถยนต์ในที่เกิดเหตุ
จากรายงานข่าวเมื่อปี 2022 ทำให้ทราบว่า สมาชิกของแก๊งเฟิงเฟยซาจะฉวยโอกาสหาช่องโหว่จากการถูกตรวจจับแล้วบินมายังกัมพูชา หรือเข้ากัมพูชาโดยสารเรือผ่านเวียดนาม และวิธีการอื่นๆ เพื่อลักลอบเข้าประเทศกัมพูชา บางครั้งสมาชิกแก๊งที่ไม่มีหนังสือเดินทางจะถูกจับกุมตามแนวชายแดนเวียดนาม-กัมพูชา ซึ่งทางการเวียดนามก็จะส่งตัวให้ทางการไต้หวันต่อไป
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการกระทบกระทั่งกับแก๊งอื่นๆ เรื่องผลประโยชน์ในกัมพูชา แต่หลังจากนั้นดูเหมือนธุรกิจสีดำของพวกเขาจะราบรื่น ไม่เพียงพวกเขาจะสามารถตั้ง "ซ่องสแกมเมอร์" ของตัวเองนั่นคือ "สล็อตแมชชีน" 「老虎機房」 เท่านั้น แต่เพราะบรรยากาศของกัมพูชาเอื้อกับการลงทุนสีดำอย่างมาก ทำให้ห้องเหล่าหู่ยังสามารถดำเนินงานร่วมกับซ่องสแกมเมอร์คอมพิวเตอร์อื่นๆ รวมถึง "ห้องเครื่องเปิ๋นจู่" 「本組機房」 และ "ห้องเครื่องตงเป่ย" 「東北機房」 โดยมีข้อตกลงแบ่งปันรายได้ที่ตกลงกันไว้ พนักงานจากห้องเหล่านี้ได้ให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการรายใหม่ ช่วยปรับปรุงกลยุทธ์และวาทกรรมการหลอกลวง ผู้ประกอบการได้รับการประเมินโดยใช้สคริปต์หลอกลวงที่ได้มาตรฐาน ซึ่งกำหนดให้พวกเขาต้องผ่านการทดสอบก่อนจึงจะสามารถหลอกลวงเหยื่อทางออนไลน์ได้ การดำเนินการนี้มีการจัดการอย่างเป็นระบบ มีชาวจีนประมาณ 79 คนถูกหลอกลวงในการสืบสวนครั้งนี้ ส่งผลให้สูญเสียเงินอย่างน้อย 30 ล้านหยวน (ประมาณ 127 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน) จากการายงานของสำนักข่าว 三立新聞網SETN
ไต้หวันจัดการเรื่องนี้อย่างไรบ้าง?
ทั้งนี้ เพื่อตอบโต้การที่แก๊งสแกมเมอร์ในกัมพูชาล่อลวงชาวไต้หวันไปเป็นเหยื่อธุรกิจสีเทาในประเทศแห่งนั้นจนกลายเป็นทาสแรงงานมากมาย ตั้งแต่เมื่อปี 2022 ไต้หวันได้เสนอแก้ไข "กฎหมายป้องกันอาชญากรรมแบบองค์กร" โดยเพิ่มความผิดฐานจงใจชักจูงผู้อื่นให้ก่ออาชญากรรมนอกไต้หวัน และการชักชวนผู้อื่นให้เข้าร่วมองค์กรอาชญากรรม ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 7 ปี และปรับสูงสุด 20 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน ร่างที่เกี่ยวข้องจะนำเสนอต่อสภานิติบัญญัติเพื่อพิจารณาต่อไป
กระทรวงยุติธรรมของไต้หวัน ระบุว่า เพื่อประกันความมั่นคงทางสังคมและคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน กระทรวงจึงได้สั่งการให้หน่วยงานสืบสวนสอบสวนยึดถือหลักการ “การรื้อถอนอย่างเด็ดขาด การสืบสวนอย่างละเอียด การกำจัดต้นตอของปัญหา และการกำจัดความชั่วร้ายทั้งหมด” และลงโทษองค์กรอาชญากรรมอย่างรุนแรง
ดังนัน กระทรวงยุติธรรมของไต้ไต้หวันจึงผลักดันการแก้ไขบทบัญญัติบางประการของ “พระราชบัญญัติป้องกันอาชญากรรมองค์กร” อย่างแข็งขัน โดยหวังว่าจะแก้ไขทั้งอาการและต้นตอของปัญหา การแก้ไขเพิ่มเติมเหล่านี้จะเพิ่มความเข้มข้นของโทษเพื่อควบคุมการขยายตัวขององค์กรอาชญากร ขณะเดียวกันก็ขยายโทษและการยึดทรัพย์เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มอาชญากรได้รับผลกำไรที่ผิดกฎหมายโดยสิ้นเชิงและขจัดแรงจูงใจในการทำกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย
ทั้งนี้ หลังจากสภานิติบัญญัติไต้หวันดำเนินการแก้ไขกฎหมายฉบับนี้เสร็จสิ้นในอนาคต ทางการไต้หวันก็จะสามารถตัดการสนับสนุนทางการเงินและทรัพยากรบุคคลที่สเป็นรายได้ขององค์กรอาชญากรรม และยับยั้งการพัฒนาหรือการเติบโตขององค์กรอาชญากรรม
กระทรวงยุติธรรมระบุว่า เมื่อการปรับปรุงพระราชบัญญัติป้องกันอาชญากรรมที่จัดตั้งขึ้นเสร็จสิ้น ผู้ที่เพิ่งชักชวนชาวไต้หวันไปยังประเทศต่างๆ เช่น กัมพูชา เพื่อกระทำการฉ้อโกงทางโทรคมนาคม การแสวงหาประโยชน์ทางเพศ การแสวงหาประโยชน์จากแรงงาน หรือแม้แต่การค้าอวัยวะมุนษย์ จะต้องได้รับโทษรุนแรง ภายใต้มาตรา 4 วรรค 2 ที่แก้ไข ผู้กระทำความผิดอาจได้รับโทษจำคุกสูงสุด 7 ปี และปรับไม่เกิน 20 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน
โดยทีมข่าวต่างประเทศ The Better
Photo - แคปหน้าจอวิดิโอ ผ่านทางสำนักข่าว 三立新聞網SETN