ไต่สวน“อุ๊งอิ๊งค์” อาการหนัก รอดยาก !?
เมืองไทย 360 องศา
ถือว่าเสร็จสิ้นกันไปแล้ว สำหรับขั้นตอนการไต่สวนสอบสวน คดีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ถูกร้องเรื่องทำผิดตามมาตรฐานจริยธรรม จากกรณี “คลิปลับสนทนา” กับ นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชา ซึ่งหลังจากนี้จะมีการแถลงปิดคดี และศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคดีในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.เป็นต้นไป แต่จากพิจารณาจากอาการ ขณะถูกไต่สวน ถือว่า “อาการไม่ดี” ทำให้ยังมีการฟันธงเช่นเดิมว่า “รอดยาก”
จาก คดีที่ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องของสว.จำนวน 36 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรี ของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 106 (4) และ (5) หรือไม่ เนื่องจากไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากกรณีคลิปเสียงบทสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร และ นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา
โดยเมื่อตอนบ่าย วันที่ 21 สิงหาคม หลังศาลรัฐธรรมนูญได้ไต่สวนพยาน 2 ปาก คือ น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ แล้วเสร็จ ซึ่งใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่า ในการไต่สวนพยานดังกล่าว
นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ได้ย้ำตอนหนึ่งระหว่างอ่านรายงานกระบวนวิธีพิจารณาคดีว่า ห้ามมิให้ผู้เข้ารับฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่และบิดเบือนข้อมูลที่จะทำให้สาธารณชนเกิดความเข้าใจผิด และตามที่ศาลได้สั่งให้คู่กรณียื่นคำแถลงปิดคดีในวันพุธที่ 27 ส.ค. 2568 และนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือและลงมติในวันที่ 29 ส.ค.เวลา 09.30 น.และอ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟังในเวลา 15.00 น. นั้น
พิจารณาแล้วเห็นว่า ตุลาการแต่ละท่านมีเวลาทำคำวินิจฉัยส่วนตนเพียง 1 วัน เพื่อให้การวินิจฉัยของศาลเป็นไปอย่างรอบคอบและครบถ้วน อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 31 ให้คู่กรณียื่นคำแถลงปิดคดีเสนอต่อศาลภายในวันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม 2568
หากไม่ยื่นถือว่าไม่ติดใจยื่น ส่วนการนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือและลงมติ และนัดฟังคำวินิจฉัยให้เป็นไปตามกำหนดเดิม
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในระหว่างที่ศาลได้อ่านกระบวนวิธีพิจารณานั้น กล้องได้จับภาพมาที่สีหน้าของนายกรัฐมนตรี ซึ่งสังเกตได้ว่ามีสีหน้าค่อนข้างเคร่งเครียด กระพริบตาที มองต่ำ เม้มปาก และ กุมมือไว้ด้านหน้าพร้อมทั้งบีบนิ้วโป้ง
จากนั้น เมื่อนายกรัฐมนตรีออกจากห้องพิจารณาคดีและเตรียมที่จะเดินทางกลับนั้นเริ่มมีสีหน้ายิ้มแย้ม โดยบรรยากาศด้านล่าง พบว่ามีแฟนคลับจากจังหวัดศรีสะเกษได้เตรียมกรอบรูปหลวงพ่อทวดพร้อมพวงมาลัยมามอบให้กับนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้หยุดตรงหน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมถวายความเคารพ
จากนั้น ได้ทักทายกับแฟนคลับที่มารอให้กำลังใจ ซึ่งแฟนคลับที่นำกรอบรูปหลวงพ่อทวดมาให้ระบุว่า "หลวงพ่อทวดจะช่วยส่งเสริมให้แคล้วคลาดปลอดภัย" และระหว่างนั้นได้มีการตะโกนเรียก "นายกรัฐมนตรีหญิงในดวงใจ สู้ๆ ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ได้หันมาสวัสดีแฟนคลับ พร้อมโบกมือให้แต่ไม่ได้เดินมารับภาพหลวงปู่ทวดและพวงมาลัย รวมทั้งเมื่อผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่ามีกำลังใจในเรื่องนี้ดีไหม เรื่องคดีได้ทำเต็มที่แล้วใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีก็ได้พยักหน้ารับ ก่อนที่จะเดินทางกลับโดยไม่ให้สัมภาษณ์
ทั้งนี้ ในการเดินทางมาศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้ น.ส.แพทองธาร มาพร้อมกับคนในครอบครัวเช่น น.ส.พิณทองทา คุณากรวงศ์ ชินวัตร พี่สาวและ นายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี มาให้กำลังใจด้วย
ในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้เก็บตัวเงียบ ไม่ให้สัมภาษณ์ หรือแสดงความเห็นใดๆออกมาพักใหญ่แล้ว และในการประชุมคณะรัฐมนตรี เธอก็ได้ลาหยุดต่อเนื่องกันเป็นเวลาสองสัปดาห์ ซึ่งถูกมองว่าเธอกำลังอยู่ในภาวะเครียด และจากการเข้าไต่สวนในศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อเช้าวันที่ 21 สิงหาคม ก็มีอาการให้เห็นชัดว่ามีความเครียด อีกทั้งยังมีรายงานอีกว่า การขึ้นไต่สวนในศาลนั้น จะต้องตอบคำถามด้วยตัวเอง ไม่สามารถอ่านโพย หรือใช้เครื่องมือสื่อสารเช่น ไอแพด ช่วยได้ ยกเว้นเป็นการอ่านข้อความที่เป็นกฎระเบียบบางอย่างใด้เท่านั้น
อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาจากเอกสารการชี้แจงของ น.ส.แพทองธาร ที่ถูกเผยแพร่ออกมาก่อนหน้านี้ จากความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์ นักกฎหมายส่วนใหญ่ต่างเห็นตรงกันว่า งานนี้ “รอดยาก” และที่ผ่านมาก็มีการอธิบาย ให้เห็นถึงพฤติกรรมจากเทปคำสนทนาดังกล่าวไปแล้วมากมาย
ก่อนหน้านี้ นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช นักวิเคราะห์ทางการเมือง กล่าวว่า ทุกคดีมีผลต่ออนาคตทางการเมืองและบรรยากาศทางการเมือง รวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคดีที่เกี่ยวข้องกับนางสาวแพทองธาร และพรรคเพื่อไทย จึงทำให้เห็นการเก็บตัวของ นางสาวแพทองธาร หลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามของนักข่าว หลบเลี่ยงที่จะพบกับสื่อมวลชนมาโดยตลอด นับตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม ที่ท้องสนามหลวง ช่วงวันที่ 13-15 สิงหาคม ที่สภาผู้แทนราษฎร รวมไปถึงการลาประชุมคณะรัฐมนตรี 2 สัปดาห์ติดต่อกัน
การไม่เข้าประชุม สส.ของพรรคเพื่อไทยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา สาเหตุสำคัญก็คือต้องการจะหลบสื่อมวลชน เพราะกลัวว่าการแสดงความเห็นใดๆ ที่เกี่ยวกับคดีความ ซึ่งอาจจะทำให้เป็นประเด็น หรือเป็นจุดอ่อน หรือพลาดพลั้งต่อการดำเนินคดีที่กำลังพิจารณาอยู่ ก็ไม่สามารถที่จะแก้ไขได้ ด้วยวุฒิภาวะและประสบการณ์ทางการเมืองของนางสาวแพทองธารมีไม่มากพอ รวมไปถึงความรู้ทั่วไปหรือความรู้ทางการเมืองน้อยนิด อาจจะเป็นประเด็นปัญหาที่ทำให้แก้ไขได้ยาก จึงใช้วิธีการปิดปากเงียบดีกว่า ไม่แสดงความเห็นใดๆ จึงเห็นบรรยากาศหรือภาพของการหลบนักข่าว เก็บตัวเงียบของนางสาวแพทองธารในตอนนี้
แน่นอนว่า คงไม่มีใครสามารถชี้นำศาลรัฐธรรมนูญได้ว่าจะวินิจฉัยคดีออกมาแบบไหน แต่หากพิจารณาจากพฤติกรรมและความรู้สึกส่วนตัว ที่เชื่อมโยงต่อเนื่องกัน ทำให้พอมองเห็นได้ไม่ยาก ว่า “รอดยาก” ประกอบกับการแสดงอาการของเธอในช่วงที่ผ่านมาก็สามารถสื่อเป็นภาษากายได้ดีว่างานนี้มันหนักหนาสาหัสเพียงใด !!
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO