อิสราเอลอ้างสิทธิ์ปกป้องพวกพ้อง ‘ชาวดรูซ’ ในซีเรีย ถล่มโรงพยาบาล-สถานที่พลเรือน ดับเพียบ 350 ศพ
(17 ก.ค. 68) ความรุนแรงในซีเรียทวีความตึงเครียดเมื่อกองทัพอิสราเอลเปิดฉากโจมตีดามัสกัสและจังหวัดซูเวย์ดาต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 โดยอ้างว่าต้องการปกป้องชาวดรูซที่กำลังสู้รบกับชนเผ่าเบดูอิน โดยฝ่ายประธานาธิบดีเฉพาะกาล อาเหม็ด อัล-ชาอ์รา (Ahmed al-Sharaa) กล่าวหาว่าอิสราเอลจงใจยกระดับความขัดแย้งครั้งใหญ่
มีรายงานว่าความขัดแย้งตั้งแต่วันอาทิตย์ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 350 คน ขณะที่สหรัฐฯ ระบุว่าได้ตกลงกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินมาตรการเฉพาะเพื่อยุติความรุนแรง ซึ่งทำให้ทหารซีเรียเริ่มถอนกำลังออกจากซูเวย์ดา หลังหารือกับผู้นำศาสนาในพื้นที่
อิสราเอลยังคงโจมตีจุดยุทธศาสตร์ต่าง ๆ ทั้งในดามัสกัสและทางตอนใต้ของซีเรีย โดยมุ่งเป้าทำลายกองกำลังที่ทำร้ายชาวดรูซ และบีบให้รัฐบาลซีเรียถอนกำลังออกไปจากพื้นที่ ด้านกระทรวงกลาโหมซีเรียประณามว่าเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและเจตนาโหมไฟสงคราม
ขณะเดียวกัน สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในซูเวย์ดาทรุดหนัก โรงพยาบาลหลักถูกโจมตี น้ำและยาเริ่มขาดแคลน และมีรายงานการลอบสังหารและปล้นสะดมจากหลายพื้นที่ กลุ่มสิทธิมนุษยชนในอังกฤษระบุว่า มีผู้เสียชีวิตรวมถึงพลเรือน ชาวดรูซ และเจ้าหน้าที่รัฐจำนวนมาก
ทั้งนี้ เหตุการณ์เริ่มจากความตึงเครียดระหว่างกองกำลังดรูซและเบดูอิน สะสมมานานจากความไม่พอใจรัฐบาลชุดใหม่ที่มีสายสัมพันธ์กับกลุ่มหัวรุนแรงซุนนี และมีชนวนจากการลักพาตัวพ่อค้าชาวดรูซเมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให้ความขัดแย้งปะทุขึ้นอย่างรุนแรงและขยายเป็นวงกว้างในเวลารวดเร็ว