BAM ผนึก SA-SWAM พัฒนา NPL-NPA ตั้งเป้าระบายทรัพย์ปีนี้ 1.7 หมื่นล้าน
นางทองอุไร ลิ้มปิติ ประธานกรรมการ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางธุรกิจ (MOU) กับบริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) หรือ SA และบริษัทบริหารสินทรัพย์ ไซมิส แอนด์ เวลธ์ จำกัด (SWAM) เพื่อขยายฐานธุรกิจและเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL และ NPA) อย่างครบวงจร โดย BAM จะทำหน้าที่คัดสรรและเสนอทรัพย์สินรอการขาย เช่น บ้าน คอนโด ที่ดิน และอาคารพาณิชย์ ให้พันธมิตรร่วมพัฒนา ซ่อมแซม และเพิ่มมูลค่า ภายใต้เป้าหมาย “พลิกทรัพย์ร้างให้กลายเป็นทรัพย์สร้างกำไร” ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ให้ BAM อย่างต่อเนื่อง และลดต้นทุนในการถือครองทรัพย์
ขณะเดียวกัน ยังมีการประสานความร่วมมือในด้านการบริหารจัดการ NPL เพื่อให้การลงนามครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญในการเสริมศักยภาพทางธุรกิจ โดยอาศัยความเชี่ยวชาญของทั้งสามองค์กรในการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืน
ด้านนางสุนันทา สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม SA กล่าวว่า ความร่วมมือกับ BAM และ SWAM ถือเป็นโอกาสเชิงกลยุทธ์ที่มีคุณค่าสูงในการขยายศักยภาพธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดย SA มีประสบการณ์กว่า 15 ปีในธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ ครอบคลุมแนวราบ แนวสูง โครงการแบบผสมผสาน รวมถึงธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัย
ทั้งนี้ ด้วยแนวโน้มของสังคมไทยที่ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ SA จึงมุ่งพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงที่อยู่อาศัย โดยเน้นแนวคิด ESG ควบคู่ไปกับการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันมีการจัดทำ Feasibility Study โครงการ Greenfield ที่ภูเก็ต ซึ่งถือเป็นทำเลศักยภาพสูง ตอบสนองทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างชาติ
อย่างไรก็ตาม SA ยังเป็นบริษัทไทยเพียงรายเดียวที่ได้รับรางวัล A Champion จาก IFC องค์กรในเครือธนาคารโลก สำหรับการพัฒนาอาคารสีเขียว สะท้อนจุดยืนในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
ด้านบริษัท SWAM ซึ่งเป็น AMC ขนาดเล็กในเครือ SA จะเข้ามาเสริมการบริหารหนี้ NPL โดยมีความคล่องตัวในการเข้าซื้อหนี้จาก BAM และต่อยอดด้วยการบริหารพอร์ตที่มีศักยภาพ พร้อมส่งต่อทรัพย์ที่รีโนเวตแล้วให้ SA พัฒนาเพื่อจำหน่ายต่อ
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BAM กล่าวเสริมว่า โครงการความร่วมมือกับ SA และ SWAM คาดว่าจะเกิดขึ้นในระยะอันใกล้ โดยเฉพาะโครงการ WINN ที่จังหวัดภูเก็ตซึ่งมีศักยภาพสูง และได้รับความสนใจจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้นได้เริ่มศึกษาแบบจำลองความเป็นไปได้ (Feasibility Study) โดย BAM จะเป็นผู้จัดเตรียมข้อมูลทรัพย์สินทั้งกลุ่ม NPA และ NPL เพื่อพิจารณาต่อยอดโครงการ
โดยปัจจุบัน BAM มีทรัพย์สินที่มีศักยภาพจำนวนมาก แต่ด้วยข้อจำกัดด้านบุคลากร จึงไม่สามารถรีไซเคิลทรัพย์ทั้งหมดได้ทันตามเป้าหมาย การจับมือกับพันธมิตรในครั้งนี้จะช่วยลดระยะเวลาในการถือครองทรัพย์ (จาก 7.5–7.8 ปี เหลือ 3.7–4.2 ปี) และส่งคืนมูลค่าทรัพย์กลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ
โครงการนำร่องในภูเก็ตจึงเป็นก้าวสำคัญของโมเดลธุรกิจใหม่ที่ SA, SWAM และ BAM ร่วมผลักดัน ซึ่งจะช่วยต่อยอดการพัฒนาทรัพย์รกร้างให้กลับมามีชีวิต มีชุมชน และมีมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมอีกครั้ง โดยมีเป้าหมายการระบายทรัพย์ของ BAM ภายในสิ้นปี 2568 ที่ประมาณ 17,800 ล้านบาท ขณะเดียวกัน SA คาดว่า SWAM จะสามารถขยับสัดส่วนรายได้จาก 10% เป็น 20% ภายในปี 2569
โมเดลดังกล่าวจึงเป็นการวางรากฐานใหม่ของการบริหารสินทรัพย์ในเชิงรุกที่เน้น ESG อย่างเป็นรูปธรรม และเป็นอีกหนึ่งแนวทางสร้างความยั่งยืนให้กับภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยในระยะยาว
ทั้งนี้ ในปัจจุบัน BAM มีหนี้ด้อยคุณภาพในความดูแลกว่า 91,000 ราย คิดเป็นมูลหนี้กว่า 498,000 ล้านบาท และมีทรัพย์สินรอการขายกว่า 24,000 รายการ ราคาประเมินรวมกว่า 74,000 ล้านบาท