อีคอมเมิร์ซอาเซียนมูลค่าซื้อขาย 4.38 ล้านล้านบาท ไทย-มาเลย์ โตเร็วสุด
อีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2567 โดยมูลค่ารวมของการซื้อขายเกิดขึ้น GMV (Gross Merchandise Value) ของอีคอมเมิร์ซจากแพลตฟอร์มในภูมิภาคนี้มีมูลค่าถึง 128.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (4.38 ล้านล้านบาท) ซึ่งเติบโตขึ้น 12% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามการเติบโตนี้ช้าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นความยั่งยืนและการพัฒนาอย่างมีสติของแพลตฟอร์มชั้นนำในภูมิภาค
ตามรายงานฉบับล่าสุดของ Momentum Works เกี่ยวกับการเติบโตของอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางกลยุทธ์ของแพลตฟอร์มต่างๆ ในภูมิภาคนี้ การเติบโตในปี 2567 ยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ แม้จะมีการชะลอตัวจากปัจจัยภายนอกที่ส่ง
ผลต่อเศรษฐกิจโลก
การเติบโตของตลาดไทยและมาเลเซีย
ในปีนี้ ตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยและมาเลเซียถือเป็นตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาค โดยมีการเติบโตของ GMV ประจำปีที่ 21.7% และ 19.5% ตามลำดับ ตลาดทั้ง 2 ประเทศนี้มีกระแสการเติบโตที่แข็งแกร่งจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านการค้าออนไลน์ รวมถึงการสนับสนุนจากภาครัฐที่มีการสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางออนไลน์อย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่อินโดนีเซียซึ่งเป็นตลาดอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคยังคงครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดที่ 44% ของ GMV ทั้งหมด แต่การเติบโตของตลาดอินโดนีเซียชะลอตัวลงจากการรวมตัวของแพลตฟอร์มที่ทำให้การเติบโตลดลงเหลือเพียง 5% เท่านั้น ขณะที่ประเทศอื่นๆ เช่น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ก็ยังคงเติบโตในอัตราสองหลัก
Shopee ยังครองตลาด - TikTok Shop โตแกร่ง
Shopee ยังคงครองส่วนแบ่งตลาดอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยส่วนแบ่งถึง 52% โดยได้รับการสนับสนุนจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานใหม่ๆ และการพัฒนาการสร้างรายได้ที่มีประสิทธิภาพสูง TikTok Shop ซึ่งได้รับการขยายตัวอย่างรวดเร็วในปีนี้ เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเสร็จสิ้นการรวมตัวกับ Tokopedia ซึ่งเป็นการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของแพลตฟอร์มอย่างมาก
Lazada ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ได้รับความนิยมในหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้มุ่งเน้นการเลือกสินค้าคุณภาพสูงและการพัฒนาเทคโนโลยี AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการและการขาย Lazada สามารถรักษา GMV ที่เสถียร และสามารถทำกำไรจาก EBITDA ได้ โดยมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องในเทคโนโลยีใหม่ๆ
อีคอมเมิร์ซนอกแพลตฟอร์มมีบทบาทสำคัญ
ในครั้งแรกที่ Momentum Works ได้ประเมิน GMV จากช่องทางอีคอมเมิร์ซที่ไม่ใช่แพลตฟอร์มเช่น เว็บไซต์ของแบรนด์, โซเชียลมีเดีย, และ WhatsApp การคำนวณ GMV จากช่องทางเหล่านี้สามารถเพิ่มมูลค่ารวมได้ถึง 16.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (5.71 แสนล้านบาท) ส่งผลให้ยอดรวมของอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปีนี้สูงถึง 145.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (4.94 ล้านล้านบาท) และมีอัตราการเจาะตลาด (penetration rate) อยู่ที่ 12.8%
การเจริญเติบโตของช่องทางอีคอมเมิร์ซนอกแพลตฟอร์มนี้แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่นิยมใช้บริการทางออนไลน์มากขึ้น โดยเฉพาะการซื้อสินค้าและบริการผ่านช่องทางที่ไม่ต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มขนาดใหญ่
การเติบโตเทคโนโลยี AI และคาดการณ์ในอนาคต
AI หรือปัญญาประดิษฐ์ได้รับการคาดหวังว่าจะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดย Momentum Works ประเมินว่า AI อาจเพิ่ม GMV ของอีคอมเมิร์ซได้ถึง 131 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ ประมาณ 4.47 ล้านล้านบาท ภายในปี 2573 โดย AI สามารถช่วยในการปรับปรุงกระบวนการค้นหาผลิตภัณฑ์ โลจิสติกส์ ประสบการณ์ของลูกค้า และประสิทธิภาพในการตั้งราคาสินค้า ซึ่งจะช่วยให้ผู้ขายและแบรนด์สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนและเพิ่มประสิทธิภาพการทำธุรกิจ
ด้านนายคงกฤช ล้อเลิศรัตนะ หัวหน้าฝ่ายธุรกิจการตลาดของช้อปปี้ (ประเทศไทย) กล่าวว่าช้อปปี้มุ่งหวังให้ผู้บริโภคได้สัมผัสกับประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ครบครันทั้งในด้านสินค้า คุณภาพ ความคุ้มค่า และความน่าเชื่อถือ ซึ่งสะท้อนถึงความเข้าใจในพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบาย พร้อมกับความมั่นใจในการซื้อสินค้าออนไลน์
โดยครึ่งปีหลัง ช้อปปี้จะนำเสนอโปรโมชั่นและส่วนลดที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมผู้ใช้ (Data-driven) เพื่อมอบข้อเสนอที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า รวมถึงการสนับสนุนการช้อปปิ้งสินค้าจาก Shopee Mall ซึ่งเป็นแหล่งรวมสินค้าแบรนด์แท้จากร้านค้าที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสูงสุด นอกจากนี้ยังมีบริการจัดส่งที่รวดเร็ว เช่น “ส่งไว พรุ่งนี้ถึง” เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกและรวดเร็ว ช้อปปี้ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโซลูชันและฟีเจอร์ใหม่ๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภคและพันธมิตรแบรนด์ต่างๆ และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยไปสู่ความยั่งยืน