ManageEngine เผยวิสัยทัศน์ดิจิทัลในไทย มุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืน
ManageEngine โดยเผยแผนลงทุนต่อเนื่องหลังเติบโตกว่า 25% ในไทย พร้อมขยายสู่เมืองรอง ท่ามกลางภัยไซเบอร์ที่ทวีความรุนแรงและสร้างความเสียหายมหาศาล ManageEngine มุ่งมั่นยกระดับเทคโนโลยีไอทีและความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ สนับสนุนพันธมิตร และขยายทีมงาน เพื่อให้ไทยก้าวสู่ยุคดิจิทัลได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
วันที่ 27 มิถุนายน 2568 ManageEngine กลุ่มธุรกิจบริหารจัดการไอทีสำหรับองค์กรในเครือ Zoho Corporation เดินหน้าสานต่อความมุ่งมั่นในการเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของประเทศไทยอย่างเต็มกำลัง พร้อมเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ให้แก่ภาคธุรกิจไทย จัดงานเสวนาพิเศษกับสื่อมวลชน ณ กรุงเทพมหานคร เพื่อนำเสนอวิสัยทัศน์และแผนกลยุทธ์การลงทุนในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การเงินธนาคาร ได้สัมภาษณ์พิเศษ ผู้นำคนสำคัญของManageEngine ได้แก่ นายอรุณ คูมาร์ รองประธานประจำภูมิภาค เปิดเผยถึงปันมุมมองและเสริมความเข้าใจถึงความสำคัญของความปลอดภัยทางไซเบอร์ในยุคดิจิทัล
20 ปีแห่งนวัตกรรมและการเติบโตในตลาดไทย
นายอรุณ กล่าวว่า ด้วยประสบการณ์ยาวนานกว่า 20 ปีในการสร้างสรรค์นวัตกรรมระดับโลก และชุดผลิตภัณฑ์ด้านไอทีที่ครอบคลุมมากกว่า 60 รายการ ManageEngine ได้ตอกย้ำถึงแผนการดำเนินงานเชิงกลยุทธ์ด้านการลงทุนอย่างต่อเนื่องในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยซึ่งถูกจัดให้เป็นหนึ่งใน "พื้นที่ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว" (Hyper-Growth Area) ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) และถือเป็นตลาดยุทธศาสตร์สำคัญที่มีกรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางหลักในการดำเนินงาน นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนขยายธุรกิจสู่กลุ่มตลาดในเมืองรอง (Tier-2) ที่มีศักยภาพในการเติบโต อาทิ จังหวัดชลบุรี และจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อรองรับการขยายตัวของภาคธุรกิจทั่วประเทศ
ปัจจุบัน ManageEngine ประเทศไทยแสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่น่าประทับใจ ด้วยการใช้งานระบบคลาวด์ที่เพิ่มขึ้นถึง 30% และอัตราการเติบโตต่อปี (YoY) อยู่ที่ 25% โดยมีฐานลูกค้าในประเทศไทยมากกว่า 500 ราย ครอบคลุมกลุ่มอุตสาหกรรมหลักที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว อาทิ ธนาคารและบริการทางการเงิน ยานยนต์ การผลิต หน่วยงานภาครัฐ และสาธารณสุข โดยมีลูกค้ารายสำคัญหลายแห่งที่ให้ความไว้วางใจใช้บริการ อาทิ CIMB, Fujikura และ Panasonic
“ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในตลาดที่มีความเคลื่อนไหวและเติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภารกิจของเราคือการส่งเสริมศักยภาพให้องค์กรธุรกิจภายในประเทศด้วยโซลูชันไอทีที่ปลอดภัยและยืดหยุ่น รองรับยุคของปัญญาประดิษฐ์และระบบอัตโนมัติในปัจจุบัน”
ManageEngineดำเนินธุรกิจในประเทศไทยผ่านความร่วมมือกับ บริษัท พี.พี. บางแก้ว บิสซิเนส จำกัด มาอย่างยาวนานกว่า 10 ปี และได้ขยายความแข็งแกร่งในตลาดเพิ่มเติมผ่านความร่วมมือครั้งล่าสุดกับ บริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ
ความท้าทายด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์
วาระเร่งด่วนขององค์กรไทย
ภายหลังการบังคับใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) องค์กรในประเทศไทยต่างเผชิญกับความเร่งด่วนมากยิ่งขึ้นในการปกป้องทรัพย์สินดิจิทัล ท่ามกลางภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาทิ ฟิชชิ่ง มัลแวร์เรียกค่าไถ่ (Ransomware) และการโจมตีจากบุคคลภายในองค์กร ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคธุรกิจและเศรษฐกิจของประเทศ
ข้อมูลจากรายงานล่าสุดชี้ให้เห็นถึงความรุนแรงของปัญหา โดยระหว่างวันที่ 1 มีนาคม ถึง 31 พฤษภาคม 2568 ประเทศไทยมีรายงานคดีหลอกลวงออนไลน์จำนวนสูงถึง 921,681 คดี ส่งผลให้เกิดความเสียหายทางการเงินรวมกว่า 91.39 พันล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉลี่ยแล้ว เกิดความเสียหายทางการเงินสูงถึงวันละประมาณ 77 ล้านบาท หรือราว 2.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
จากรายงานของสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) กลุ่มที่ได้รับการเฝ้าระวังและแจ้งเตือนภัยไซเบอร์มากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ภาคการศึกษา หน่วยงานภาครัฐ และภาคธนาคารและการเงิน โดยสถิติการโจมตีทางไซเบอร์ในปี 2567 ระบุว่า 51.85% ของเหตุการณ์ที่รายงานทั้งหมดมุ่งเป้าไปยังสถาบันการศึกษาและหน่วยงานรัฐ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการยกระดับมาตรการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ในภาคส่วนที่มีความสำคัญเหล่านี้
เมื่อการนำเทคโนโลยี AI มาใช้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์จึงกลายเป็นหัวใจสำคัญของความสามารถในการฟื้นตัวและรับมือขององค์กรในทุกภาคส่วน
แผนการลงทุนระยะยาวเพื่ออนาคตดิจิทัลของไทย
นายอรุณกล่าวต่อว่า ManageEngineเน้นย้ำความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจระยะยาวในประเทศไทย ผ่านการดำเนินงานที่ครอบคลุมหลายด้าน ได้แก่
- การจ้างงานและขยายทีมงานในประเทศ : โดยเฉพาะในตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับงานด้านเทคนิคและการดูแลลูกค้า เพื่อให้การสนับสนุนที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็วแก่ลูกค้าในประเทศไทย
- การสนับสนุนและพัฒนาพันธมิตรทางธุรกิจ : ผ่านการฝึกอบรมขั้นสูงและเครื่องมือเสริมศักยภาพ เพื่อสร้างความร่วมมือที่แข็งแกร่งและยั่งยืน
- การนำเสนอเทคโนโลยีด้านไอทีและความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ที่ทันสมัย : ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ระดับประเทศ อาทิ Thailand 4.0, Smart Cities และภารกิจขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของสำนักงานพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัล (depa) เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับขีดความสามารถทางดิจิทัลของประเทศ
“วิสัยทัศน์ของเราคือการเป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลในประเทศไทยอย่างมั่นคง ปลอดภัย ขยายตัวได้ และยั่งยืน”